ทำวิจัยจากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ปรึกษาที่ Thesis Thailand

ทำวิจัยจากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ปรึกษาที่ Thesis Thailand

ทำวิจัยจากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ปรึกษาที่ Thesis Thailand เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทำงานวิจัยตามกระบวนการอย่างถูกต้องที่พร้อมช่วยคุณ . เราพร้อมช่วยแนะนำให้คำปรึกษา ติดตามและประเมินผลงานวิจัยให้เสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็วไร้ข้อผิดพลาด เพราะการเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในสาขาที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้งานวิจัยเสร็จสิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพได้  . กระบวนการให้คำปรึกษางานวิจัยของ Thesis Thailand จะประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

งานวิจัยเผย : กินเจดีต่อสุขภาพ เพราะเป็น’อาหารแพลนต์เบสต์’

งานวิจัยเผย : กินเจดีต่อสุขภาพ เพราะเป็น'อาหารแพลนต์เบสต์'

จากการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบาธ (Universityof Bath) สหราชอาณาจักร เผยว่าผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบส (อาหารจากพืช)ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื้อสัตว์ ผู้เขียนงานวิจัยได้ทบทวนงานวิจัยถึง 43ฉบับเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารแพลนต์เบสที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยให้ความสนใจเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารที่เลียนแบบรสชาติของเนื้อสัตว์เป็นหลักรวมถึงทัศนคติของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้ . “งานวิจัยนี้สำคัญมากเพราะเราได้ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ว่าเราต้องเริ่มยุติการบริโภคเนื้อสัตว์เพื่อปกป้องอนาคตของโลกเราและสาธารณสุข” ชิสากัญญ์กล่าวการปศุสัตว์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ถึงร้อยละ 57ของก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตอาหารทั่วโลกแบบประเมินสารอาหารของสหราชอาณาจักรที่ใช้วิเคราะห์ในงานวิจัยเผยว่าร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ ‘ดีต่อสุขภาพน้อยกว่า’ เมื่อเทียบกับเพียงร้อยละ 14 จากอาหารแพลนต์เบส งานวิจัยชี้เพิ่มว่ามีเพียงร้อยละ 49ของผู้บริโภคที่ซื้อเบอร์เกอร์แพลนต์เบสจะเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปกติหากหาซื้อเบอร์เกอร์แพลนต์เบสไม่ได้ อีกทั้งเมื่อเทียบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างเบอร์เกอร์แพลนต์เบสและเบอร์เกอร์เนื้อวัวแล้วบทวิจารณ์พบว่าอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเนื้อแพลนต์เบสรวมถึงการใช้น้ำและที่ดินแทบจะเป็นศูนย์เมื่อเทียบกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ งานวิจัยเผยว่า เมื่อเปรียบเทียบโดยตรงกับเบอร์เกอร์เนื้อวัวเบอร์เกอร์แพลนต์เบสปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าถึงร้อยละ 98 . ดังนั้น “งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าเนื้อแพลนต์เบสที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบเนื้อสัตว์ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื้อสัตว์ และยังเป็นที่สนใจในกลุ่มคนที่อยากลดการบริโภคนมและเนื้อสัตว์อีกด้วย” ชิสากัญญ์อารีพิพัฒน์ ผู้จัดการโครงการท้าลอง 22 วันจากซิเนอร์เจีย แอนิมอลกล่าว ซิเนอร์เจียแอนิมอลเป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับสากลที่ทำงานเพื่อส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพมากกว่าเดิมในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.innews.news/news.php?n=26816

งานวิจัยเผย : “เปิดไฟนอน” เสี่ยงอ้วนและขี้ลืม

งานวิจัยเผย : “เปิดไฟนอน” เสี่ยงอ้วนและขี้ลืม

จากการศึกษาโดย รศ.พญ.นฤชา จิรกาลวสาน กรรมการบริหารศูนย์นิทราเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย  ระบุว่า การเปิดไฟนอนตอนกลางคืนว่า เป็นการขัดขวางการหลั่งของสารเมลาโทนินซึ่งหลั่งจากส่วนหนึ่งในสมอง มีความสำคัญต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย ดังนั้นผู้ที่เปิดไฟนอนหรือมีการพักผ่อนที่ไม่ดีอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคอ้วน โดยเมลาโทนินเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วง 2 ชั่วโมงก่อนเข้านอน มีหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ และระบบต่างๆ ในร่างกาย  . เช่น ระบบเมตาบอลิซึม ระบบประสาทอัตโนมัติ ความดัน ความจำ เมลาโทนินจะถูกยับยั้งโดยแสง ดังนั้นมีโอกาสที่การนอนเปิดไฟจะส่งผลให้เมลาโทนินถูกกด ส่งผลให้นอนไม่ดี และอาจทำให้เกิดโรคต่างๆได้ดังนั้นหากเมลาโทนินถูกขัดขวางการหลั่ง อาจส่งผลต่อระบบความจำ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ในระยะแรกส่วนหนึ่งพบว่ามีการลดลงของสารเมลาโทนิน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Internal Medicine ที่ศึกษาในผู้หญิงกว่า 4 หมื่นคน เรื่องการเปิดและปิดไฟนอนที่อาจส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว หลังจากการติดตามในระยะ 5 ปี พบว่าคนที่เปิดไฟนอนมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นกว่าคนที่ปิดไฟนอน โดยน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 5 กิโลกรัม ดังนั้นความสว่างจากการเปิดไฟนอนจึงมีความสัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว . ดังนั้น ควรปิดไฟให้สนิทก่อนนอน หลีกเลี่ยงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีแสง เช่น โทรทัศน์ […]

งานวิจัยเผย : คนไทยส่วนใหญ่ มักคลายเครียดด้วยการกิน

งานวิจัยเผย : คนไทยส่วนใหญ่ มักคลายเครียดด้วยการกิน

จากการศึกษาของ มินเทล ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลการตลาดระดับโลก เผยแพร่ งานวิจัยที่พบว่า “อาหารและเครื่องดื่ม มีส่วนช่วยคลายเครียด และทำให้สุขภาพจิตสุขภาพใจเราดีขึ้น” โดย 1 ใน 7 ของผู้บริโภคชาวไทยเคยประสบปัญหาสุขภาพจิต ไม่ว่าจะเป็น ความเครียด อาการนอนไม่หลับ ความวิตกกังวล ความรู้สึกโดดเดี่ยว ความไม่มั่นใจในตนเอง รวมถึงความรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ทำให้มีความต้องการหาสินค้าหรือสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเครียดในแต่ละวัน  . เผยเทรนด์ คอมฟอร์ต ฟู้ด (Comfort Food) ในหมู่คนไทยที่คลายเครียดในแต่ละวันด้วยการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ชอบ นอกจากนี้ข้อมูลยังบอกว่า กลิ่นหอม รสชาติ รสสัมผัสมีผลต่อการตัดสินใจเลือกรับประทาน โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวรสเค็มได้รับความนิยมนำอันดับหนึ่ง  – ผู้บริโภคไทยมากกว่า 51% พยายามหาวิธีในการลดความเครียด โดย 46% บรรเทาความเครียดด้วยการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นแนวทางที่มากที่สุดรองจากการพูดคุยกับครอบครัวหรือเพื่อน และการเข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความบันเทิง 56% และ 51% ตามลำดับ  – ผู้บริโภคไทยที่มีอายุมากกว่า มีความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตมากกว่า โดยเฉพาะ Gen X มากกว่า 54% […]

รวมราคาบริการของ Thesis Thailand ที่มาพร้อมกับความประทับใจเพื่อคุณ

รวมราคาบริการของ Thesis Thailand ที่มาพร้อมกับความประทับใจเพื่อคุณ

เพราะ Thesis Thailand มีผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆที่คอยช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนของกระบวนการทางการศึกษา ซึ่งการปรึกษางานวิจัยเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญและมีข้อดีมากมายที่สามารถช่วยเสริมสร้างคุณค่าของงานวิจัยได้  รวมถึงการปรึกษางานวิจัยช่วยให้สามารถทบทวนและปรับปรุงงานวิจัยให้มีคุณภาพสูงขึ้นได้ โดยมีการตรวจสอบและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหาของงานวิจัย เช่น การสร้างแนวคิดหรือกรอบทฤษฎีที่เหมาะสม การออกแบบและดำเนินการวิจัย การวิเคราะห์และการตีความผล

งานวิจัยเผย : ความหิวทำให้เราตัดสินใจทุกอย่างได้แย่ลง

งานวิจัยเผย : ความหิวทำให้เราตัดสินใจทุกอย่างได้แย่ลง

จากการศึกษาของ “เบนจามิน วินเซต์” หัวหน้าทีมวิจัยได้อธิบายเอาไว้ว่า คนที่หิวโหยมักจะเลือกกินอาหารจานเล็กที่วางอยู่ตรงหน้าในทันที มากกว่าการที่จะต้องอดใจรออาหารจานใหญ่กว่าแต่ใช้เวลานานกว่า สิ่งนี้แสดงออกถึงการที่เวลาเราหิวมาก ๆ เรามักจะเลือกสิ่งที่ง่าย เร็ว และตอบสนองได้ในทันที ซึ่งในสถานการณ์ตัวอย่างนี้อาจเป็นการตัดสินใจเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ส่งผลอะไรกับชีวิตมากนัก แต่ถ้าหากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่สำคัญกว่า การตัดสินใจในครั้งนี้อาจทำให้เราเสียผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าก็เป็นได้ . อีกหนึ่งผลวิจัยจากทีมนักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยดันดี ประเทศสกอตแลนด์ ก็เปิดเผยผลวิจัยผ่านวารสาร Psychonomic Bulletin and Review ออกมาเช่นกันว่า ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัคร 2 กลุ่ม คือกลุ่มคนที่อดอาหารมาแล้ว 10 ชั่วโมงและคนที่เพิ่งกินอาหารมาแบบอิ่มท้อง โดยให้ทุกคนเลือกว่าจะรับสิทธิ์ดาวน์โหลดเพลงฟรีแบบไหนดี? ผลปรากฏว่าคนกลุ่มที่อดอาหารเลือกที่จะรับสิทธิ์นั้นในทันทีแบบไม่ต้องรอนาน แม้ว่าจะดาวน์โหลดเพลงได้น้อยกว่า กลับกันกลุ่มคนที่เพิ่งกินอาหารมาอิ่ม ๆ เลือกที่จะกดรับสิทธิ์เพลงที่ได้จำนวนมากกว่าแต่ต้องใช้เวลารอนานกว่า ซึ่งผลวิจัยนี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าความหิวทำให้คนเรามีแนวโน้มในการตัดสินใจและยอมรับผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าทันที . ทำให้สรุปได้ว่า ความหิวทำให้คนเราเลือกช้อยส์ที่ได้รับการตอบสนองความต้องการในทันที โดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง คิดถึงความคุ้มค่า หรือไตร่ตรองให้ดีก่อน เพราะฉะนั้นวันไหนที่คุณจะต้องไปเจรจาเรื่องสำคัญควรเช็กก่อนทุกครั้งว่าเรากำลังหิวอยู่หรือเปล่า มองเผิน ๆ อาจจะเป็นเรื่องตลกขำขัน แต่บอกเลยค่ะว่าเรื่องเล็ก ๆ ที่เรามองข้ามไปแบบนี้นี่แหละทำให้คนเราตัดสินใจผิดพลาดมานัดต่อนัดแล้ว ดังนั้น อย่าตัดสินใจเรื่องสำคัญตอนหิวเด็ดขาด และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง […]

งานวิจัยเผย : มีเพื่อนสนิทแค่ 1 คนในออฟฟิศ ทำให้งานดีขึ้น

งานวิจัยเผย : มีเพื่อนสนิทแค่ 1 คนในออฟฟิศ ทำให้งานดีขึ้น

จากการศึกษางานวิจัยจาก Gallup บอกว่า การได้ทำงานร่วมกับเพื่อนที่สนิทกันมาก่อนอย่างน้อยแค่ 1 คน จะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ซึ่งจะนำพาไปสู่ความก้าวหน้าทางตำแหน่งและเงิน เดือนที่สูงขึ้นด้วย ถามว่าจริงหรือไม่ ก็คงตอบได้ว่าส่วนหนึ่งจริง แต่อีกส่วนหนึ่งก็พบว่า มีคน จำนวนไม่น้อยที่ทำงานร่วมกับเพื่อนแล้วเกิดปัญหา และมักเป็นปัญหาเรื้อรังต่อความสัมพันธ์ ที่เคยดี กลับกลายเป็นไม่ดี . ซึ่งมีกรณีศึกษาให้ห็นอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะทำธุรกิจกับเพื่อนแล้วผลประโยชน์ไม่ลงตัว หรือทำงานกับเพื่อนที่เป็นเจ้านายของเราอีกที รู้สึกอึดอัดใจเหลือเกิน ฯลฯ เพราะฉะนั้นปัญหาหนึ่งในการทำงานของคนบางส่วนคือ ต้องร่วมงานกับเพื่อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบก็ต้องยอมทำ แม้ว่าจะรู้สึกลำบากใจแค่ไหน แน่นอนว่าเวลาทำงานด้วยกันนั้นย่อมมีปัญหา อุปสรรค ความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ อาจเพราะสไตล์การทำงานไม่ตรงกัน ความคิดเห็นแตกต่างกัน อะไรก็ตามที่สามารถทำให้เพื่อนกลายเป็นศัตรูได้ในชั่วขณะ และเมื่อสถานะเปลี่ยน ความสัมพันธ์อาจเปลี่ยนตาม เนื่องจากสังคมที่ทำงานมักมีเรื่องของความก้าวหน้า ผลประโยชน์ และปัจจัยอื่น ๆ ที่ควบคุมไม่ได้จำนวนมาก อาจจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่มีอยู่ได้ . ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน สถานะอะไร เรื่องสำคัญมาก ๆ คือต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ของตัวเองให้ดี ให้เต็มกำลัง เพราะนั่นคือสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวคุณเอง อย่ามัวแต่คิดว่าเราเป็นลูกน้อง เพื่อนเป็นเจ้านาย หรือไปมุ่งหมายเรื่องข้างเคียงจนเยสมาธิ และเสียเวลาเปล่า กลับมาปฏิบัติ […]

งานวิจัยเผย : ยิ่งดื่มกาแฟ ยิ่งช้อปเยอะ

งานวิจัยเผย : ยิ่งดื่มกาแฟ ยิ่งช้อปเยอะ

จากการศึกษาของ Dipayan Biswas หัวหน้าทีมวิจัยได้ศึกษาผลกระทบของการดื่มกาแฟก่อนเข้าไปซื้อของว่า มันส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของที่มีมากขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากสารโดปามีนที่ส่งผลให้มนุษย์ควบคุมตัวเองได้น้อยลง ซึ่งนั่นยังหมายถึง เราอาจเลือกหยิบของไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดนั่นเอง โดยบิสวาสได้ทำการทดสอบโดยให้ ผู้ที่ต้องการซื้อของ 300 คน เลือกเครื่องดื่มฟรี 2 ชนิด คือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และไม่มีคาเฟอีน แล้วหลังจากทำการซื้อของเสร็จ ผู้วิจัยจะตรวจสอบใบเสร็จของทุกคนเพื่อดูปริมาณในการซื้อของ . ผลการวิจัยออกมาว่า ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนใช้เงินจำนวนมากและมีปริมาณในการซื้อสินค้ามากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนมีแนวโน้มที่จะซื้อของในหมวดที่ไม่จำเป็นมากกว่า เช่น เทียนไขหรือน้ำหอม แต่ในการซื้อของในหมวดที่จำเป็น การใช้จ่ายระหว่างคนสองกลุ่มแทบไม่ต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ร้านค้าหรือซื้อของออนไลน์ ผลลัพธ์ในการวิจัยก็ออกมาในรูปแบบเดียวกัน ถ้าหากเราสังเกตดีๆ นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่หลักแหลม เพราะพวกเขาตั้งใจให้ร้านกาแฟตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้าอยู่เสมอ เพื่อหวังว่ากาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น ถ้าหากเราสังเกตดีๆ นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่หลักแหลม เพราะพวกเขาตั้งใจให้ร้านกาแฟตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้าอยู่เสมอ เพื่อหวังว่ากาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าในการซื้อของของเรา เราก็ต่างมีสิ่งที่ตั้งใจและวางแผนมาแล้วว่าเราจะเลือกซื้ออะไรกลับไปบ้าง แต่บางครั้งเราอาจจะหยิบของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับไปด้วย . นี่แหละคืออิทธิพลของการที่เราดื่มกาแฟก่อนไปซื้อของ ในฐานะของผู้บริโภคด้วยกัน การเก็บคาเฟอีนไว้ดื่มหลังซื้อของเสร็จน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดกว่า และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.brandthink.me/content/shopping

Thesis Thailand สุดยอดทีมงานวิจัยที่พร้อมช่วยคุณ

Thesis Thailand สุดยอดทีมงานวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ซึ่งสามารถช่วยเหลือและร่วมแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ทีมงานวิจัยของเรายังมีความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผลงานวิจัยคุณได้อีกด้วย . ทีมงานวิจัยของ Thesis Thailand ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น นักวิทยาศาสตร์, นักวิศวกร, นักคณิตศาสตร์, นักสถิติศาสตร์, นักเศรษฐศาสตร์, นักจัดการโครงการ, นักวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพและมีบุคคลอื่น ๆ ที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย อาทิเช่น นักเขียนเทคนิค นักออกแบบกราฟิก และผู้บริหารโครงการ . Thesis Thailand คือทีมงานวิจัยที่มีการกำหนดเป้าหมายและแผนการทำงานที่ชัดเจน การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ และมีความสามารถในการช่วยงานวิจัยของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหวังว่าบทควานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการตัดสินใจใช้บริการกับทางเรา หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ

งานวิจัยเผย : ทำใจจากลาใช้เวลา 11-18 เดือน

งานวิจัยเผย : ทำใจจากลาใช้เวลา 11-18 เดือน

จากการศึกษาในปี 2550 นักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองเพื่อหาระยะเวลาที่แน่นอนของการทำใจจากความรักที่เพิ่งจบลง พบว่า 71% ของคนที่เลิกรากันไปจะรู้สึกดีขึ้นหลังผ่านไปประมาณ 3 เดือน  ต่อมา ในปี 2560 ผลการสำรวจผู้คน 2,000 คน พบว่าเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะทำใจได้ภายใน 6 เดือน และสำหรับคู่สมรสที่ตัดสินใจหย่าร้างจะใช้เวลาก้าวผ่านเรื่องเหล่านี้เฉลี่ยประมาณ 18 เดือน ทำให้ระยะเวลาประมาณ 11 – 18 เดือน เป็นระยะเวลาเฉลี่ยที่คนคนหนึ่งจะสามารถทำใจจากการจากลาได้ . Hilda Burke นักจิตบำบัด ที่ปรึกษาคู่รัก และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Phone Addiction Workbook กล่าวว่า ความรักเป็นเรื่องยุ่งเหยิงและซับซ้อนเกินกว่าจะมีอะไรมากำหนด ในแต่ละความสัมพันธ์มีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน ผู้ตกอยู่ในภวังค์รักแต่ละคนล้วนเติบโตและมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน  บางคนทำใจได้เร็ว บางคนจมจ่อมอยู่เนิ่นนาน มีปัจจัยมากมายที่ทำให้การมูฟออนของเรายาวนานไม่เท่ากัน ทั้งยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการฟื้นตัวหลังถูกปฏิเสธ หรือ Changes in Self-Definition Impede Recovery From Rejection ระบุว่าคนที่ถูกปฏิเสธความรักมักจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว คนเราฟื้นตัวจากความเสียใจเก่งกว่าที่ตัวเราคิดไว้มาก เพียงในตอนที่ดำดิ่ง […]