งานวิจัยเผย : ยิ่งดื่มกาแฟ ยิ่งช้อปเยอะ

งานวิจัยเผย : ยิ่งดื่มกาแฟ ยิ่งช้อปเยอะ

จากการศึกษาของ Dipayan Biswas หัวหน้าทีมวิจัยได้ศึกษาผลกระทบของการดื่มกาแฟก่อนเข้าไปซื้อของว่า มันส่งผลต่อพฤติกรรมการซื้อของที่มีมากขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากสารโดปามีนที่ส่งผลให้มนุษย์ควบคุมตัวเองได้น้อยลง ซึ่งนั่นยังหมายถึง เราอาจเลือกหยิบของไปเรื่อยโดยไม่ได้คิดนั่นเอง โดยบิสวาสได้ทำการทดสอบโดยให้ ผู้ที่ต้องการซื้อของ 300 คน เลือกเครื่องดื่มฟรี 2 ชนิด คือ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และไม่มีคาเฟอีน แล้วหลังจากทำการซื้อของเสร็จ ผู้วิจัยจะตรวจสอบใบเสร็จของทุกคนเพื่อดูปริมาณในการซื้อของ . ผลการวิจัยออกมาว่า ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนใช้เงินจำนวนมากและมีปริมาณในการซื้อสินค้ามากกว่าผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ผู้ที่ดื่มคาเฟอีนมีแนวโน้มที่จะซื้อของในหมวดที่ไม่จำเป็นมากกว่า เช่น เทียนไขหรือน้ำหอม แต่ในการซื้อของในหมวดที่จำเป็น การใช้จ่ายระหว่างคนสองกลุ่มแทบไม่ต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่ร้านค้าหรือซื้อของออนไลน์ ผลลัพธ์ในการวิจัยก็ออกมาในรูปแบบเดียวกัน ถ้าหากเราสังเกตดีๆ นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่หลักแหลม เพราะพวกเขาตั้งใจให้ร้านกาแฟตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้าอยู่เสมอ เพื่อหวังว่ากาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น ถ้าหากเราสังเกตดีๆ นี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ในการตลาดที่หลักแหลม เพราะพวกเขาตั้งใจให้ร้านกาแฟตั้งอยู่บริเวณทางเข้าของห้างสรรพสินค้าอยู่เสมอ เพื่อหวังว่ากาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพในการขายได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าในการซื้อของของเรา เราก็ต่างมีสิ่งที่ตั้งใจและวางแผนมาแล้วว่าเราจะเลือกซื้ออะไรกลับไปบ้าง แต่บางครั้งเราอาจจะหยิบของที่ไม่จำเป็นติดไม้ติดมือกลับไปด้วย . นี่แหละคืออิทธิพลของการที่เราดื่มกาแฟก่อนไปซื้อของ ในฐานะของผู้บริโภคด้วยกัน การเก็บคาเฟอีนไว้ดื่มหลังซื้อของเสร็จน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและประหยัดกว่า และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.brandthink.me/content/shopping

Thesis Thailand สุดยอดทีมงานวิจัยที่พร้อมช่วยคุณ

Thesis Thailand สุดยอดทีมงานวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ซึ่งสามารถช่วยเหลือและร่วมแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ทีมงานวิจัยของเรายังมีความสามารถในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อผลงานวิจัยคุณได้อีกด้วย . ทีมงานวิจัยของ Thesis Thailand ประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น นักวิทยาศาสตร์, นักวิศวกร, นักคณิตศาสตร์, นักสถิติศาสตร์, นักเศรษฐศาสตร์, นักจัดการโครงการ, นักวิจัยทางการแพทย์และสุขภาพและมีบุคคลอื่น ๆ ที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย อาทิเช่น นักเขียนเทคนิค นักออกแบบกราฟิก และผู้บริหารโครงการ . Thesis Thailand คือทีมงานวิจัยที่มีการกำหนดเป้าหมายและแผนการทำงานที่ชัดเจน การติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ และมีความสามารถในการช่วยงานวิจัยของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหวังว่าบทควานี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการตัดสินใจใช้บริการกับทางเรา หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ

งานวิจัยเผย : ทำใจจากลาใช้เวลา 11-18 เดือน

งานวิจัยเผย : ทำใจจากลาใช้เวลา 11-18 เดือน

จากการศึกษาในปี 2550 นักวิทยาศาสตร์ทำการทดลองเพื่อหาระยะเวลาที่แน่นอนของการทำใจจากความรักที่เพิ่งจบลง พบว่า 71% ของคนที่เลิกรากันไปจะรู้สึกดีขึ้นหลังผ่านไปประมาณ 3 เดือน  ต่อมา ในปี 2560 ผลการสำรวจผู้คน 2,000 คน พบว่าเฉลี่ยแล้วพวกเขาจะทำใจได้ภายใน 6 เดือน และสำหรับคู่สมรสที่ตัดสินใจหย่าร้างจะใช้เวลาก้าวผ่านเรื่องเหล่านี้เฉลี่ยประมาณ 18 เดือน ทำให้ระยะเวลาประมาณ 11 – 18 เดือน เป็นระยะเวลาเฉลี่ยที่คนคนหนึ่งจะสามารถทำใจจากการจากลาได้ . Hilda Burke นักจิตบำบัด ที่ปรึกษาคู่รัก และผู้เขียนหนังสือเรื่อง The Phone Addiction Workbook กล่าวว่า ความรักเป็นเรื่องยุ่งเหยิงและซับซ้อนเกินกว่าจะมีอะไรมากำหนด ในแต่ละความสัมพันธ์มีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน ผู้ตกอยู่ในภวังค์รักแต่ละคนล้วนเติบโตและมีประสบการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน  บางคนทำใจได้เร็ว บางคนจมจ่อมอยู่เนิ่นนาน มีปัจจัยมากมายที่ทำให้การมูฟออนของเรายาวนานไม่เท่ากัน ทั้งยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการฟื้นตัวหลังถูกปฏิเสธ หรือ Changes in Self-Definition Impede Recovery From Rejection ระบุว่าคนที่ถูกปฏิเสธความรักมักจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว คนเราฟื้นตัวจากความเสียใจเก่งกว่าที่ตัวเราคิดไว้มาก เพียงในตอนที่ดำดิ่ง […]

งานวิจัยเผย : การลดน้ำตาลช่วยให้หน้าเด็กลง

งานวิจัยเผย : การลดน้ำตาลช่วยให้หน้าเด็กลง

จากการศึกษาโดยอาจารย์ ดร.ถาวรีย์ ถิละเวช ภาควิชาอาหารเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผิวหนังของเรามีโปรตีนคอลลาเจนและอีลาสตินเป็นองค์ประกอบหลักอยู่รวมกันเป็นลักษณะโครงข่ายช่วยให้ผิวของเรามีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ในกรณีที่เราบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง น้ำตาลเหล่านั้นถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลที่บริเวณผิวหนังสูงขึ้นเช่นเดียวกัน น้ำตาลบริเวณผิวหนังสามารถจับกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเกิดเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า Advanced glycation end products หรือ AGEs ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัยนั่นเอง กระบวนการดังกล่าวเรียกว่ากระบวนการไกลเคชั่น (glycation) หรือหลายคนอาจรู้จักในชื่อปฏิกิริยาเมลลาร์ด (Maillard reaction) เมื่อ AGEs เกิดขึ้นในชั้นผิวหนังจะส่งผลให้โปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพและสะสมอยู่ที่บริเวณผิวหนัง ส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง เกิดการหย่อนคล้อย โดยทั่วไปการสะสมของ AGEs บริเวณผิวหนังจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุอยู่แล้ว แต่กระบวนการดังกล่าวสามารถกระตุ้นให้เกิดได้เร็วและมากขึ้นเมื่อเราบริโภคอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง โดยทั่วไปร่างกายของเรามีกลไกในการทำลายโปรตีนที่เสื่อมสภาพ . การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติสามารถลดการเกิด AGEs ในโปรตีนคอลลาเจนได้ถึง 25% ภายในเวลา 4 สัปดาห์ การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้หญิง 4,025 คน ช่วงอายุ 40 – 74 ปี พบว่าการบริโภคอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่มีสัดส่วนปริมาณน้ำตาลสูงมีความสัมพันธ์กับการเกิดรอยตีนกาบนใบหน้า รวมถึงทำให้ผิวหนังบาง ซึ่งเป็นลักษณะผิวหนังที่พบในผู้สูงอายุ นอกจากการสร้าง AGEs […]

งานวิจัยเผย : การมองผู้ชายหล่อช่วยพัฒนาสมอง

งานวิจัยเผย : การมองผู้ชายหล่อช่วยพัฒนาสมอง

จากการศึกษาเมื่อปี 2562 รายการ Discoveries in Life ของสถานีโทรทัศน์ KBS1 ในเกาหลีใต้ ได้มีการรายงานอ้างถึงผลงานวิจัยที่แนะนำให้ ผู้หญิงมองผู้ชายหล่อ จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น งานวิจัยดังกล่าว ได้ทำการทดลองกับผู้หญิงวัยกลางคน โดยให้พวกเธอได้จดจำชื่อตัวการ์ตูนที่ถูกสมมติขึ้น ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระยะเวลา 1 นาที  หลังจากนั้นทำการทดสอบอีกครั้งที่สอง โดยให้พวกเธอจดจำชื่อพร้อมภาพผู้ชายหน้าตาดีอีกครั้ง ผลปรากฏว่า เมื่อให้จำชื่อพร้อมกับภาพผู้ชายหล่อ ๆ คำตอบที่ได้ถูกต้องเพิ่มมากขึ้นในอัตราเฉลี่ยจาก 2 เป็น 4 เท่า . มีการยืนยันโดยใช้วิธีการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram หรือ EEG) พบว่า เมื่อผู้หญิงมองรูปผู้ชายหล่อ คลื่นสมองมีปฏิกิริยาตอบสนองเคลื่อนที่มากกว่าปกติ โดย ดร.ลี จิตแพทย์ผู้ทำการวิจัย กล่าวว่า จากการทดลองดังกล่าว สามารถยืนยันได้ว่า ระดับการกระตุ้นของสมองกลีบขมับมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับความจำ ซึ่งด้านแผนกสุขภาพจิตของมหาวิทยาลัยซอนมุน ได้เผยอีกว่า การมองดูภาพผู้ชายหล่อ ๆ นอกจากจะช่วยกระตุ้นเรื่องความจำแล้ว ยังทำให้อารมณ์ดี และส่งผลด้านบวกต่อสมองอีกด้วย! อย่างไรก็ตาม จิตแพทย์ยังเผยอีกว่า การทดลองนี้ในผู้ชายจะมีผลตรงกันข้าม เพราะเมื่อผู้ชายมองภาพผู้หญิงสวย ๆ […]

งานวิจัยเผย : การเปย์ทำให้มีความสุขขึ้น

งานวิจัยเผย : การเปย์ทำให้มีความสุขขึ้น

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยของ Hajdi Moche จาก Linkoping University ซึ่งงานวิจัยนี้ถูกสำรวจในสวีเดน ได้ทำงานวิจัยนี้ผ่านการเล่นเกม โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมด จำนวน 788 คน ให้ผู้เข้าร่วมเล่นเกม โดยมีข้อเงื่อนไขให้เลือกใช้เงินกับคนที่ต้องการ โดยมีชอยส์ให้เลือกแค่สองข้อระหว่างเก็บเงินเพื่อใช้เอง หรือบริจาคให้กับองค์กรการกุศล ซึ่งองค์กรที่ว่านั้นถูกโหวตไว้แล้ว ว่าเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือที่สุดในสวีเดนด้วย . โดยผลการวิจัยพบผู้เข้าร่วมการแข่งขันส่วนใหญ่ เลือกที่จะร่วมบริจาคเงินเพื่อการกุศลโดยไม่ระบุชื่อ จากข้อนี้แสดงให้เห็นว่าความสุขของคนเราเกิดจากการใช้จ่ายเพื่อสังคม โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าผู้รับเป็นใคร หรือเรียกได้ว่าคนส่วนใหญ่เต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนนั่นเองค่ะ ซึ่งงานวิจัยยังบอกอีกว่าแนวคิดนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ค้นพบได้ในระบบประสาท ที่พบว่าสมองจะให้รางวัลเป็นความสุขใจ เมื่อเราทำประโยชน์หรือทำอะไรเพื่อคนอื่นมากเท่าไร ก็จะทำให้มีความสุขสบายใจมากขึ้นเท่านั้น  . จะว่าไปแล้วการใช้เงินเพื่อคนอื่นถือเป็นความสบายใจอย่างนึงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยการทำบุญหรือเปย์เพื่อคนที่รักเราแล้วนั้น บอกเลยว่ามีเท่าไรก็ทุ่มให้เลย ส่วนตัวแอดมินมองว่าการเปย์เพื่อคนอื่นถือเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราอยากทำให้คนที่เรารักมีความสุข จะเรียกว่าเห็นเธอมีความสุข เราก็มีความสุขด้วยคนก็ว่าได้ค่ะ  . เพราะฉะนั้นจะสายบุญหรือสายป๋า ถ้าเปย์แล้วโดนเทก็ถือว่าทำเต็มที่แล้วค่าทุกคน อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเลยค่ะ และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.wongnai.com/articles/pay-for-people-make-your-happiness

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ . 3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ […]

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก อาจเป็นเพราะพวกเขามักจะโฟกัสไปที่เป้าหมายของชีวิตในระยะยาว จึงจะให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่า เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนจะถูกตัดออกเหลือแต่คนคุณภาพมากกว่าการเน้นปริมาณ ซึ่งความจริงแล้วคนฉลาดนั้นก็ให้ความสำคัญกับการมีเพื่อนและสังคมวงในคล้าย ๆ กับคนทั่วไป แต่ว่าอย่างที่บอกไปว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความเลือกมาก เลือกเยอะ เพราะพวกเขาเน้นการใช้เวลาและใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด การแบ่งเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้เวลาในการเข้าสังคมหรือเวลาที่ต้องใช้สังสรรค์ต่าง ๆ จะต้องลดน้อยลงตามไปด้วย เหลือเพียงเพื่อนที่พวกเขาให้ความสำคัญเท่านั้น  . อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนฉลาดเหล่านี้รักเป้าหมายส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องก้าวไปให้ถึงให้ได้ ไม่ได้มีเพื่อนน้อย แต่พวกเขาตั้งใจเลือกคบเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่สำคัญต่อพวกเขาเพียงเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.lifehack.org/408873/scientists-explain-why-smart-people-prefer-fewer-friends และ https://www.wongnai.com/articles/smart-people-prefer-fewer-friends

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า ซึ่งตรงข้ามกับผู้หญิงที่มักจะจดจำรายละเอียดของเหตุการณ์และอารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น . อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นผลการวิจัยที่ไม่ได้ทดลองกับคนทั่วโลก ดังนั้นยังอาจมีข้อวิจัยอื่นๆ ที่สามารถนำมาหักล้างเพิ่มเติมได้ และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.mangozero.com/research-says-women-have-better-memory-than-men/

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ ‘ให้ไป’ มากกว่าที่ตัวเอง ‘ได้รับ’ และการมีนิสัย People-Pleaser  ค่อนข้างสร้างปัญหาให้กับความสัมพันธ์ เพราะมันทำให้ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่และต้องตอบสนองความต้องการคนอื่นตลอดเวลา . ฉะนั้น หากคุณค้นพบว่าคุณคือ People-Pleaser และเหนื่อยกับชีวิต และ อาจจะมีแนวโน้มที่ต้องเผชิญ “อาการซึมเศร้า” ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนและลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง โดยสิ่งที่ควรเริ่มต้นทำ คือการพูดว่า “ไม่” กับคนอื่น ๆ และพูดว่า “ใช่” กับตัวเราเอง และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องจากบทความนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . […]