How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2. วางลำดับวิชาและเนื้อหา ขั้นตอนต่อมา คือ เลือกวิชาที่จะอ่าน มีหลักง่ายๆ คือ . 3. ลงมือทำ ยังไงถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จ การลงมือทำคือการลงมืออ่านอย่างจริงจัง อย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าฝากอนาคตของตัวเองไว้กับความขี้เกียจของวันนี้ บางคนลงมือทำ แต่ไม่จริงจัง ก็ไม่ได้นะ ขอให้นึกถึงชาวนาแล้วกัน ถ้าลงมือทำนาเริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ แล้วทิ้งค้างไว้แต่ไม่ทำให้สำเร็จ ไม่ดูแลจนกระทั่งเก็บเกี่ยว หรือทิ้งไว้ไม่เก็บเกี่ยว การทำนาก็จะไม่สำเร็จ เราก็จะไม่มีข้าวกิน ดังนั้น ขอให้น้องๆ “ทำอะไร ทำจริง” แล้วกันนะ ทำให้ได้จริงๆ […]

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก อาจเป็นเพราะพวกเขามักจะโฟกัสไปที่เป้าหมายของชีวิตในระยะยาว จึงจะให้ความสำคัญกับการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากกว่า เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนจะถูกตัดออกเหลือแต่คนคุณภาพมากกว่าการเน้นปริมาณ ซึ่งความจริงแล้วคนฉลาดนั้นก็ให้ความสำคัญกับการมีเพื่อนและสังคมวงในคล้าย ๆ กับคนทั่วไป แต่ว่าอย่างที่บอกไปว่า กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความเลือกมาก เลือกเยอะ เพราะพวกเขาเน้นการใช้เวลาและใช้ชีวิตให้คุ้มค่ามากที่สุด การแบ่งเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทำให้เวลาในการเข้าสังคมหรือเวลาที่ต้องใช้สังสรรค์ต่าง ๆ จะต้องลดน้อยลงตามไปด้วย เหลือเพียงเพื่อนที่พวกเขาให้ความสำคัญเท่านั้น  . อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนฉลาดเหล่านี้รักเป้าหมายส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องก้าวไปให้ถึงให้ได้ ไม่ได้มีเพื่อนน้อย แต่พวกเขาตั้งใจเลือกคบเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่สำคัญต่อพวกเขาเพียงเท่านั้น และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.lifehack.org/408873/scientists-explain-why-smart-people-prefer-fewer-friends และ https://www.wongnai.com/articles/smart-people-prefer-fewer-friends

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า ซึ่งตรงข้ามกับผู้หญิงที่มักจะจดจำรายละเอียดของเหตุการณ์และอารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น . อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นผลการวิจัยที่ไม่ได้ทดลองกับคนทั่วโลก ดังนั้นยังอาจมีข้อวิจัยอื่นๆ ที่สามารถนำมาหักล้างเพิ่มเติมได้ และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.mangozero.com/research-says-women-have-better-memory-than-men/

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ ‘ให้ไป’ มากกว่าที่ตัวเอง ‘ได้รับ’ และการมีนิสัย People-Pleaser  ค่อนข้างสร้างปัญหาให้กับความสัมพันธ์ เพราะมันทำให้ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่และต้องตอบสนองความต้องการคนอื่นตลอดเวลา . ฉะนั้น หากคุณค้นพบว่าคุณคือ People-Pleaser และเหนื่อยกับชีวิต และ อาจจะมีแนวโน้มที่ต้องเผชิญ “อาการซึมเศร้า” ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องปรับเปลี่ยนและลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตัวเอง โดยสิ่งที่ควรเริ่มต้นทำ คือการพูดว่า “ไม่” กับคนอื่น ๆ และพูดว่า “ใช่” กับตัวเราเอง และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องจากบทความนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . […]

งานวิจัยเผย : การพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง ช่วยขยับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

งานวิจัยเผย : การพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง ช่วยขยับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจ ชื่อว่า “งานวิจัยแอบฟังความสุข” ทดลองโดยนักจิตวิทยาอย่าง “Matthias Mehl” ได้ทำการทดลองนี้กับนักศึกษา จนได้ข้อสรุปว่า “ถ้าคุณคุยเรื่องที่มีสาระอย่างลึกซึ้ง (Deep talk) กับเพื่อนของคุณ คุณจะมีโอกาสพบความสุขได้มากกว่า” แต่ไม่ใช่ว่าการพูดคุยแบบทั่วไป หรือที่เรียกว่า Small Talk จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย . แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ‘Deep Talk หรือ การพูดคุยที่ลึกซึ้ง’ ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวข้อที่เครียด จริงจัง หรือมีเนื้อหาทางวิชาการเหมือนราวกับอยู่ในงานสัมมนาหนึ่ง แต่เป็นหัวข้ออะไรก็ได้ที่มีสาระในเชิงการแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์ รวมถึงเปิดเผยตัวตนของกันและกัน เช่น ชีวิตช่วงนี้โอเคไหม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า คิดว่าหนังที่ดูล่าสุดเป็นยังไง หรือปัญหาที่เราเผชิญอยู่จะแก้ไขมันยังไงดี เป็นต้น . อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าชีวิตนี้เราเคยคุยกับใครแบบลึกซึ้งบ้างไหมนะ ลองสังเกตง่ายๆ ว่าคนที่เวลาเรามีปัญหาแล้วสบายใจที่จะคุยด้วย และมักจะให้คำปรึกษาเราได้ดีนั้นมีใครบ้าง นั่นก็ถือเป็นบทสนทนา Deep Talk ในรูปแบบหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือ ต่างฝ่ายต่างต้องเป็นผู้ฟังที่ดีให้แก่กันด้วยเช่นกัน และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ […]

นักวิจัยเผย : ถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น

นักวิจัยเผย : ถ้าเรามีเงินเราจะมีความสุขมากขึ้น

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยจากในวารสารวิชาการ PNAS และเป็นงานที่ศึกษาว่าเงินสัมพันธ์กับความสุขหรือไม่ ได้ผลวิจัยว่า กลุ่มผู้เข้าร่วมวิจัยที่ได้รับเงินแสนจะมีความสุขมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้เงิน ซึ่งคะแนนความสุขก็จะแตกต่างกันไปอีกโดยขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของพวกเขา นอกจากนี้ คนที่ได้รับเงินก้อนก็ยังรายงานว่ามีความสุขมากกว่าตอนก่อนร่วมงานวิจัยอีกด้วย . ที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ ผู้เข้าร่วมวิจัยที่มาจากประเทศรายได้น้อยจะมีความสุขมากกว่าผู้เข้าร่วมวิจัยที่มาจากประเทศร่ำรวยถึง 3 เท่า ด้าน ไรอัน ดไวเออร์ (Ryan Dwyer) นักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริติชโคลอมเบีย และผู้ร่วมเขียนงานวิจัย ระบุว่า คนจำนวนไม่น้อยใช้เงินที่ได้ไปกับการจ่ายหนี้และซ่อมบ้านครั้งใหญ่ อีกทั้งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีรายงานว่าคนที่ได้เงินก้อนใหญ่จะมีความสุข เพราะงานวิจัยในปี 2019 ค้นพบว่า หากถูกหวยรางวัลใหญ่จะมีความพอใจกับชีวิตมากขึ้น ขณะที่งานวิจัยในปี 2007 ก็เสนอว่า คนที่ชนะได้เงินเกือบ 10,000,000 จากหวย จะมีสุขภาพจิตดีกว่าคนที่ไม่เคยชนะเลย . ดังนั้น ใครที่บอกว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ อาจจะต้องคิดใหม่อีกครั้ง และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ .ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://thematter.co/brief/190640/190640 และ http://www.sunshinefm.com/pattaya/music-recommend/817-%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2-%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81.html

รวมข้อมูลตัวแม่ตัวมัมในวงการการตลาดว่ามีแบรนด์อะไรบ้าง

รวมข้อมูลตัวแม่ตัวมัมในวงการการตลาดว่ามีแบรนด์อะไรบ้าง

Thesis Thailand รวมข้อมูล : ตัวแม่ตัวมัมในวงการการตลาดว่ามีแบรนด์อะไรบ้าง ช่วงเดือนแห่งวันแม่นี้ เชื่อว่าแม่ก็เปรียบเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ของเราหลาย ๆ คนเลย ไม่ว่าจะหิวข้าว ของหาย หรือจะอยากได้อะไรก็ตาม แม่ก็สามารถทำได้ทุกอย่างได้เพื่อลูก บางครั้งถึงจะโดนบ่นไปก่อนก็ตาม แต่สำหรับโลกการตลาดนี้ไม่ได้มีแม่คนเดียว เพราะไม่ว่าเราจะโตมาในยุคไหน ก็ต้องได้เห็นและได้ยินชื่อแบรนด์ที่ขึ้นต้นด้วย ‘แม่’ อยู่เสมอ  แบรนด์เหล่านั้นก็มักจะเป็นตำนานที่ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ด้วยภาพจำที่เป็นเอกลักษณ์และกลยุทธ์ที่เฉียบคม ในช่วงเดือนแห่งวันแม่นี้ Thesis Thailand ขอมารวมข้อมูลเหล่าตัวแม่ตัวมัม ในวงการการตลาดกันบ้าง ว่ามีแบรนด์เด็ด ๆ ในตำนานแบรนด์ไหนที่ทำให้เราสามารถจดจำได้จนถึงวันนี้บ้าง 1. “แม่ประนอม” แบรนด์ที่ไม่ยอมแก่ เพราะแม่อยู่มาแล้วทุกยุค 2. “ตราแม่ครัว” แบรนด์คู่ครัวไทยในตำนาน และรูปแม่ที่มีทุกบ้าน 3. “สามแม่ครัว” แบรนด์ปลากระป๋องเจ้าตลาด ด้วยพลังจากแก๊งตัวแม่ 4. “แม่กุหลาบ” แบรนด์ของฝากเจ้าดัง ที่ต้องหิ้วกลับไปฝากแม่ 5. “แม่เลียบ” แบรนด์ภูมิปัญญาไทย ใช้ตั้งแต่รุ่นแม่สู่รุ่นหลาน 6. “แม่มณี” แบรนด์สำหรับคนค้าขาย ปางแม่กวักเรียกลูกค้า 7. “แม่ศรีเรือน” […]

งานวิจัยเผย : คนขี้ลืมไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นสัญญาณของคนฉลาด

งานวิจัยเผย : คนขี้ลืมไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นสัญญาณของคนฉลาด

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดาอย่าง Paul Frankland และ Blake Richards บอกว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นกังวลเลยแม้แต่น้อย การที่ความทรงจำเก่าๆ โดนลบล้างออกไป เป็นเพราะถูก “แทนที่” ด้วยความทรงจำใหม่ๆ และนี่คือเรื่องแสนธรรมดา อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ สิ่งที่ยากพอๆ กับการลืมเรื่องราวในอดีตไปให้หมดสิ้น คือการจำเรื่องราวในอดีตให้ได้ทั้งหมด นั่นหมายความว่า เราไม่สามารถบังคับสมองของเราได้ชัดเจนขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลืม หรือการจำ . พบอีกว่า ความสามารถในการจดจำที่ดี ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับระดับความฉลาดในคนๆ หนึ่งเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่คุณอาจคาดเดาความฉลาดของคนๆ หนึ่งจากความสามารถในการจำทุกๆ รายละเอียดที่เป็นเลิศของเขา แต่แท้จริงแล้ว การศึกษาบอกว่า มันจะดีกว่าถ้าเราจำเรื่องราวทุกอย่างเป็นภาพกว้างๆ ให้ได้ มากกว่าที่จะมานั่งจำรายละเอียดปลีกย่อยให้ได้ทั้งหมด และที่สำคัญ การพยายามจำให้ได้ทุกรายละเอียดปลีกย่อยมันไม่ Healthy กับชีวิตเอาเสียเลย อีกทั้งมนุษย์ในยุคก่อน พวกเขายังต้องเลือกจำเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์และช่วยให้มีชีวิตรอดเท่านั้น เพราะฉะนั้น สมองก็จะถูกฝึกให้คิดตามนั้น อะไรที่ทำให้รอดก็จำ อะไรที่ไม่เกี่ยวก็ไม่ต้องจำ แต่สำหรับมนุษย์ในยุคแห่งเทคโนโลยีแบบเราๆ เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันนั้นมีมาก ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้องเลือกลบล้างสิ่งที่ไม่จำเป็น หรือมีความสำคัญน้อยกว่าออกไปเสีย . อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าในโลกยุคนี้ เราสามารถค้นหาข้อมูลแทบจะทุกอย่างได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องเข้าใจได้ว่า ทำไมคนยุคนี้ถึงมักลืมรายละเอียดเล็กๆ […]

ภาวะสมองล้า ทำให้ความจำและการทำงานสมองลดลง

ภาวะสมองล้า ทำให้ความจำและการทำงานสมองลดลง

จากการศึกษาของ พญ. รุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ พบว่า มีกลุ่มผู้ป่วยอาการเรื้อรังที่เกิดขึ้นในระบบต่างๆ ของร่างกาย ที่เรียกกันว่า ลองโควิด (Long COVID) โดยอาการหนึ่งในนั้น คือ สมองเสื่อมถอย สมองล้า (brain fog) ซึ่งเป็นอาการทางสมองและระบบประสาท ที่พบได้บ่อยหากมีอาการรู้สึกตื้อ มึน ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งใด มีอาการหลงๆ ลืมๆ หรือไม่สามารถรับมือกับหลายๆ สถานการณ์ได้พร้อมกัน . ภาวะสมองล้า (brain fog) เป็นภาวะที่สมองมีการทำงานลดลง โดยส่งผลให้การคิดและตัดสินใจช้าลง การวางแผนและแก้ปัญหาลดลง รวมถึงการลดลงของสมาธิ (Attention) บางคนอาจเป็นมากจนส่งผลให้ลืมความจำระยะสั้น หรือทำให้ไม่สามารถทำงานที่เคยทำเป็นประจำได้ . ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมถอย สมองล้า • อาการติดเชื้อระยะเฉียบพลันที่รุนแรงและมีภาวะขาดออกซิเจน • มีโรคทางสมองเดิม เช่น หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก • ผู้ที่มีอายุมากและมีโรคร่วมหลายโรค • มีโรคร่วมทางจิตเวช เช่น ซึมเศร้า และวิตกกังวล • ฮอร์โมนไม่สมดุล . […]

นักจิตวิทยาบอกไว้ว่า เมื่อคุณเริ่มดูแลตัวเอง จะดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาหาคุณ

นักจิตวิทยาบอกไว้ว่า เมื่อคุณเริ่มดูแลตัวเอง จะดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาหาคุณ

จากการศึกษาของ คุณฉันท์ธนิตถ์ สิมะวรางกูร นักจิตวิทยาการปรึกษา อธิบายว่า คลื่นสมองของมนุษย์มีลักษณะเป็นคลื่นไฟฟ้า มีสนามแม่เหล็ก ซึ่งมันเป็นพลังงานทั้งหมด แต่ว่าตาของมนุษย์มองไม่เห็น ซึ่งกฎแรงดึงดูด มันมีอยู่จริงในระบบของพลังงาน ทำไมคนเราถึงพูดว่าคิดแบบนี้แล้วมันจะเรียกสิ่งนี้มาจริงๆ มันคือการทำงานของคลื่นสมองของเรา ถ้าเกิดเราไปศึกษาในเอกสารเกี่ยวกับคลื่นพลังงานของมนุษย์ในระดับอารมณ์ เราจะเห็นเลยว่ามนุษย์มีความถี่ของคลื่นอารมณ์แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้ถึงเป็นคำตอบว่าทำไมกฎแรงดึงดูดถึงมีอยู่จริง . เพราะฉะนั้น หากใครกำลังตามหาสิ่งดีๆ ตามหลักของกฎแรงดึงดูด เราอาจเริ่มจากความคิด โดยมองหาจุดโฟกัสของชีวิต ตั้งเป้าหมายใหม่ๆ โดยมีความเชื่อว่า เราจะพิชิตมันได้ การหาโอกาสใหม่ๆ ในชีวิตพร้อมพลังงานบวกที่บอกกับตัวเองว่า เราสามารถทำมันได้ จะทำให้เราพาตัวเองไปเจอกับสิ่งใหม่ที่ดีขึ้นได้นั่นเอง . ดังนั้น เมื่อเรามีความเชื่ออย่างมั่นคงว่า สิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับตัวเราแล้วในอนาคตต่อไป “กฎแรงดึงดูด” จะพาความสุขมาให้เราได้แบบไม่ต้องถามหาความสุขจากใครได้แน่นอน และหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ . ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://ooca.co/blog/law-of-attraction/