จากการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยบาธ (Universityof Bath) สหราชอาณาจักร เผยว่าผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบส (อาหารจากพืช)ดีต่อสุขภาพและยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื้อสัตว์ ผู้เขียนงานวิจัยได้ทบทวนงานวิจัยถึง 43ฉบับเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารแพลนต์เบสที่มีต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยให้ความสนใจเรื่องผลิตภัณฑ์อาหารที่เลียนแบบรสชาติของเนื้อสัตว์เป็นหลักรวมถึงทัศนคติของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์เหล่านี้
.
“งานวิจัยนี้สำคัญมากเพราะเราได้ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ว่าเราต้องเริ่มยุติการบริโภคเนื้อสัตว์เพื่อปกป้องอนาคตของโลกเราและสาธารณสุข” ชิสากัญญ์กล่าวการปศุสัตว์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ถึงร้อยละ 57ของก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตอาหารทั่วโลกแบบประเมินสารอาหารของสหราชอาณาจักรที่ใช้วิเคราะห์ในงานวิจัยเผยว่าร้อยละ 40 ของผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ถูกจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ ‘ดีต่อสุขภาพน้อยกว่า’ เมื่อเทียบกับเพียงร้อยละ 14 จากอาหารแพลนต์เบส งานวิจัยชี้เพิ่มว่ามีเพียงร้อยละ 49ของผู้บริโภคที่ซื้อเบอร์เกอร์แพลนต์เบสจะเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปกติหากหาซื้อเบอร์เกอร์แพลนต์เบสไม่ได้ อีกทั้งเมื่อเทียบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างเบอร์เกอร์แพลนต์เบสและเบอร์เกอร์เนื้อวัวแล้วบทวิจารณ์พบว่าอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเนื้อแพลนต์เบสรวมถึงการใช้น้ำและที่ดินแทบจะเป็นศูนย์เมื่อเทียบกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ งานวิจัยเผยว่า เมื่อเปรียบเทียบโดยตรงกับเบอร์เกอร์เนื้อวัวเบอร์เกอร์แพลนต์เบสปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าถึงร้อยละ 98
.
ดังนั้น “งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าเนื้อแพลนต์เบสที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเลียนแบบเนื้อสัตว์ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่าเนื้อสัตว์ และยังเป็นที่สนใจในกลุ่มคนที่อยากลดการบริโภคนมและเนื้อสัตว์อีกด้วย” ชิสากัญญ์อารีพิพัฒน์ ผู้จัดการโครงการท้าลอง 22 วันจากซิเนอร์เจีย แอนิมอลกล่าว ซิเนอร์เจียแอนิมอลเป็นองค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับสากลที่ทำงานเพื่อส่งเสริมการบริโภคที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพมากกว่าเดิมในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย และหวังว่าข้อมูลงานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณ หากคุณสนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยนี้สามารถสอบถามกับทาง Thesis Thailand เพราะเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยที่พร้อมซัพพอร์ตคุณ
.
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจากเว็บ https://www.innews.news/news.php?n=26816