7 สิ่งที่ไม่ควรทำ ก่อนการเลือกปัญหางานวิจัย

การเลือกประเด็นปัญหางานวิจัยเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะต้องมั่นใจว่าสามารถทำการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หากเลือกโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมในด้านต่างๆ อาจจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาและความท้อในการทำงานวิจัยต่อไปได้

ดังนั้นเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น ทางเราขอเสนอ 7 สิ่งที่ไม่ควรทำ ก่อนการเลือกปัญหางานวิจัย ดังนี้

1. ไม่ควรทำการรวบรวมข้อมูลก่อน โดยที่ยังไม่ได้จำกัดความของหัวข้อปัญหาอย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะทำงานอะไรคุณควรทำการวางแผน และกำหนดเป้าหมายในชัดเจนเสียก่อน สำหรับการทำงานวิจัยก็เช่นเดียวกัน คุณไม่ควรรวบรวมข้อมูลก่อน

2. ไม่ควรกำหนดปัญหางานวิจัยจากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

ข้อที่ 2 นี้ก็เช่นเดียวกัน คุณไม่ควรทำการกำหนดปัญหางานวิจัยจากข้อมูลที่มีอยู่แล้ว เพราะการที่คุณตั้งปัญหางานวิจัยจากข้อมูลที่มีอยู่เท่านั้น จะทำให้คุณได้ผลงานวิจัยที่มีแต่ประเด็นปัญหาเดิมๆ ที่ไม่แตกต่างจากงานวิจัยของผู้วิจัยอื่น

3. ประเภทงานวิจัย หรือจุดมุ่งหมายหัวข้อปัญหางานวิจัยที่คาดเคลื่อน

คุณควรกำหนดลักษณะประเภทงานวิจัยให้แน่ชัด เพราะจะทำให้การกำหนดจุดมุ่งหมายในการศึกษาแหล่งของข้อมูลงานวิจัย รวมถึงการออกแบบเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์แปลผลข้อมูลมีความชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือคำตอบที่คาดเคลื่อนในการสรุปผลในงานวิจัยได้

4. ไม่ควรตั้งปัญหางานวิจัย โดยที่ไม่ศึกษาผลงานวิจัยของผู้อื่นที่คล้ายๆ กัน

ในการกำหนดหัวข้อปัญหางานวิจัยแต่ละครั้ง หลังจากคุณทราบลักษณะประเภทของงานวิจัยแล้ว คุณควรทำการศึกษาผลงานวิจัยของผู้อื่น หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่เคยทำการวิจัยในหัวข้อประเด็นปัญหางานวิจัยคล้ายๆ กับหัวข้อปัญหาในงานวิจัยที่คุณกำลังสนใจ

5. ผู้วิจัยขาดความรู้ในสาขาวิชานั้นๆ

สำหรับข้อนี้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับผู้วิจัยหลายๆ ท่าน คือ การขาดความรู้ในสาชาวิชานั้นๆ ซึ่ง “ความรู้” ในที่นี้คือ ขาดความรู้พื้นฐานทางทฤษฎีสำหรับหลักการทำงานวิจัยส่งผลทำให้เกิดปัญหาต่างๆ หลายอย่างตามมา

6. ไม่มีการกำหนดข้อตกลงเบื้องต้นของปัญหางานวิจัยให้ชัดเจน

การกำหนดข้อตกลงเบื้องต้น เป็นการเขียนในขั้นการวางแผนการวิจัยเช่นกัน คือการกำหนดความชัดเจนเกี่ยวกับมุมมองของนักวิจัยในการใช้เครื่องมือต่างๆ สำหรับการวิจัย

หากข้อตกลงเบื้องต้นของปัญหางานวิจัยนั้นไม่มีความชัดเจนและกระจ่าง อาจเป็นเหตุให้การวิเคราะห์แปลผลข้อมูลงานวิจัยผิดพลาดไปจากข้อเท็จจริงได้

7. ไม่ควรทำการกำหนดหัวข้อปัญหางานวิจัยกว้างมากเกินไป

หากคุณไม่จำกัดขอบเขตของหัวข้อปัญหางานวิจัยให้มีความกระชับ และชัดเจนตั้งแต่แรกจะเป็นเหตุให้การทำงานวิจัยในหัวข้อปัญหานั้นๆ ไม่จบสิ้น เพราะไม่ทราบขอบเขตในการทำงานวิจัยว่ามีมากน้อยแค่ไหน ได้อย่างชัดเจน

จาก ข้อควรระวังในการเลือกปัญหางานวิจัย นั้น สำหรับการป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นกับการเลือกปัญหางานวิจัย ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงในการเกิดปัญหาคุณควรทำการจำกัดความของหัวข้อปัญหาไว้อย่างชัดเจน จากข้อมูลงานวิจัยที่มีอยู่ก่อนและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่คล้ายๆ กัน

พิจารณาจากลักษณะประเภทงานนวิจัยเพื่อทำการกำหนดเป้าหมายหัวข้อปัญหางานวิจัยที่เพื่อไม่ให้เกิดความคาดเคลื่อนในการทำงานวิจัย ศึกษาหลักการทำงานวิจัยและรูปแบบงานที่ถูกต้องสำหรับสาขาวิชานั้นๆ ในการการกำหนดข้อตกลงเบื้องต้นของปัญหางานวิจัยให้ชัดเจน และให้อยู่ในขอบเขตข้อกำหนดปัญหาของงานวิจัย ให้สำเร็จและลุล่วงไปได้ด้วยดี

Credit: https://bit.ly/358yLP5

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ