5 เทคนิค ตั้งหัวข้อวิจัย ให้ผ่านฉลุย !!

ผู้วิจัยหลายคุณยังมีปัญหาในการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย  คือ ยังหาประเด็นที่จะใช้ในการตั้งหัวข้อวิจัยไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากจุดไหนก่อนดี ยังหาสิ่งที่น่าสนใจที่จะใช้เป็นไอเดียในการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัยไม่ได้เสียที ทำให้งานวิจัยไม่สามารถเดินหน้าที่จะดำเนินการในขั้นต่อไปได้เสียที วันนี้เราจะมาแชร์ “5 เทคนิค ตั้งหัวข้อวิจัย ให้ผ่านฉลุย” มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยย

1. ตั้งจากความรู้ส่วนบุคคล

ส่วนใหญ่แล้วเราทุกคนมีความรู้ส่วนบุคคล มีความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือความเชี่ยวชาญส่วนบุคคล คุณสามารถนำจุดเด่นนั้นมาประยุกต์ใช้ในการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย ได้

เช่น หากคุณศึกษาในสาขาการตลาด คุณควรโฟกัสเทคนิคทางการตลาดเฉพาะ มุ่งเน้นศึกษาจากทฤษฎี แนวคิด หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องในสาขาการตลาด เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับความรู้ส่วนบุคคลในการศึกษา ต่อยอดงานวิจัยไปได้

2. ตั้งจากสถานการณ์ปัจจุบัน

สภาพสังคม เศรษฐกิจ หรือสถานการณ์ปัจจุบัน เป็นประเด็นจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาพสังคมหรือเศรษฐกิจในปัจจุบันที่สามารถหยิบยกมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาวิจัยต่อยอด และนำมาตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย ได้

3. ตั้งจากข้อเสนอแนะของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นอกเหนือจากการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัยจากสภาพสังคม เศรษฐกิจ หรือสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว การศึกษาต่อยอดงานวิจัยจากข้อเสนอแนะของงานวิจัยเล่มอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผู้วิจัยสนใจได้เช่นกัน

การที่นำข้อเสนอแนะของงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาตั้งประเด็นปัญหาในงานวิจัยนี้มีข้อดีคือ คุณสามารถอ้างอิงตัวแปรที่มาจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาสังเคราะห์เรียบเรียงเป็นเนื้อหาที่จะใช้ในการทำงานวิจัยได้ ซึ่งจะทำให้ประหยัดระยะเวลาที่จะใช้ในการสืบค้นข้อมูล การสร้างเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มประชากรที่ใช้ในการวิจัยได้ง่ายขึ้น

4. ตั้งจากบทความวิชาการ

การนำบทความวิชาการมาใช้ในการตั้งหัวข้องานวิจัย ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากบทความวิชาการในปัจจุบันจะมุ่งเน้นเกี่ยวกับประเด็นที่ทันสมัย โดยเฉพาะหัวข้อเกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งสามารถนำบทความที่เกี่ยวกับกระแสนิยมเหล่านี้มาศึกษาและพัฒนาต่อยอดเป็นหัวข้องานวิจัย ที่จะใช้ในการศึกษาวิจัยได้

5. ตั้งจากคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษา

นอกจากไอเดียทั้ง 4 ข้อข้างต้นแล้ว การขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้นำไปตั้งเป็นตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัยได้โดยง่าย

เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษานั้นมีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่ผู้วิจัยศึกษาอยู่แล้ว จึงมีองค์ความรู้ที่จะทำให้มีไอเดียในการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย ที่น่าสนใจได้ และไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

หากคุณสามารถนำข้อมูลดังกล่าวเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในการตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย ได้ ก็จะทำให้การทำงานวิจัยของคุณนั้นประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น สุดท้ายนี้หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการทำวิจัย ทาง Researher Thailand ยินดีให้คำปรึกษานะคะ

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ