5 เทคนิค คลายเครียดจากการทำงานวิจัย

ในการทำงานวิจัยก็เช่นกัน ที่ส่งผลให้ผู้เรียนหรือผู้วิจัยเกิดความเครียดได้เสมอไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะผู้วิจัยหลายๆ ท่านที่งานในหน้าที่ประจำ หรือธุรกิจส่วนตัวที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ยิ่งจะทำให้ความเครียดเกิดขึ้นได้ง่ายมาก หากคุณมีอาการที่กล่าวไปข้างต้น นั่นเป็นสัญญาณเตือนให้คุณทราบว่าคุณมีอาการเครียดจากการทำงานได้เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั่น ในบทความนี้ เรามี 5 เทคนิค ช่วยคลายเครียดจากการทำงานวิจัยให้ลดลงได้

1. ออกกำลังกายช่วยคลายเครียด

การออกกำลังกายจะช่วยระบายฮอร์โมนความเครียดออกไป การที่ร่างกายได้ขับเหงื่อออกมาหลังจากได้ออกกำลังกายจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมาด้วย ทำให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

ฉะนั้นคุณควรแบ่งเวลาออกกำลังกายซักวันละ 10-15 นาที เพื่อให้เป็นการกระตุ้นฮอนโมนแห่งความสุขได้หลั่งออกมา อาจจะเป็นการออกกำลังกายเบาๆ ระหว่างทำงาน เช่น การเดินขึ้นลงบันได หรือทำงานบ้านในตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือในวันหยุดก็ได้

2. พักผ่อนให้เพียงพอช่วยคลายเครียด

คุณต้องจัดตารางเวลาชีวิตในแต่ละวันให้ชัดเจน เพราะการกำหนดเวลาการทำงานในบทบาทหน้าที่ต่างๆ ในแต่ละวันได้อย่างชัดเจนนอกจากจะช่วยลดความเครียดได้แล้ว ยังทำให้คุณสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่รวมถึงมีเวลาให้กับครอบครัวคุณอีกด้วย

เช่น ใน 1 วัน คุณต้องทำงาน 8 ชม. คุณควรจัดเวลาในการศึกษาทำงานวิจัยประมาณวันละ 2-3 ชม. นอกจากนั้นก็เป็นเวลาพักผ่อน หรือกิจกรรมที่จะช่วยพัฒนาทักษะของคุณในด้านต่างๆ

3. พูดคุยกับคนรอบข้างหรือคนสนิทช่วยคลายเครียด

หากการออกกำลังให้เหงื่อเพื่อกระตุ้นฮอร์โมนความสุข การพูดคุยกับคนสนิทหรือคนรอบข้างก็คือการระบายความเครียดที่ดีอีกวิธีหนึ่ง เพราะการที่ได้พูดสิ่งที่ไม่สบายใจ หรืออัดอั้นภายในใจออกมากับคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่คุณสนิท มันจะช่วยทำให้ความรู้สึกของคุณได้รับการปลอบประโลม

แม้พวกเขาเหล่านั้นไม่อาจที่จะช่วยคุณแก้ปัญหาได้ แต่การที่มีคนคอยรับฟังในสิ่งที่คุณอัดอั้นภายในใจ จะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น สบายใจขึ้น และเมื่อใจสบาย สมองก็จะปลอดโปร่ง จะทำให้คุณสามารถคิดหาวิธีในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ต่อไป

4. เปิดรับความคิดเห็น ปรับทัศนคติช่วยคลายเครียดได้

หากมีปัญหาที่คุณแก้ไม่ได้ และรุ้สึกว่ามันทำให้คุณเครียดมากเกินไป คุณลองปรึกษาคนรอบข้างหรือคนสนิท เพื่อขอความคิดเห็นในมุมมองของพวกเขาเหล่านั้น เพราะมันจะทำให้คุณได้เห็นความคิดในแง่มุมต่างๆ ที่หลากหลาย ช่วยให้ทัศนคติที่คุณมีต่อการมองปัญหานั้นได้กว้างขึ้น

คุณไม่ควรที่จะต้องมานั่งเสียเวลาคิดวิตกกังวลไปคนเดียว ปัญหาในบางครั้งมันไม่ได้ใหญ่มากจนไม่มีทางแก้ แค่คุณยังมองไม่เห็นทางออก เพราะคุณเดินเข้าใกล้มันมากเกินไป ลองถอยออกมาซัก หนึ่ง หรือ สองก้าว ไม่แน่คุณอาจจะเห็นทางออกของปัญหาที่ไม่ได้มีแค่ทางออกเดียวก็เป็นได้

และอีกอย่างเราอยากให้คุณคิดในแง่ดีอย่างมีความหวังว่า ยังมีคนอีกมากมายที่เจอปัญหาเหมือนๆ กับคุณ พวกเขาเหล่านั้นสามารถผ่านปัญหานั้นๆ มาได้ แล้วทำไมคุณจะผ่านมันไปไม่ได้ล่ะ เขาทำได้ คุณก็ทำได้ จงบอกตัวเองไว้เสมอว่า “I can do it!”

5. ฝึกสมาธิเพื่อช่วยคลายเครียด

การฝึกสมาธิ โดยการฝึกการกำหนดลมหายใจเช่น การนั่งสมาธิ เล่นโยคะ หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดสมาธิ จะช่วยทำให้สมองคลายความกังวล และระดับความเครียดลดลงได้

ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานวิจัย หรือการทำงานต่างๆ คุณควรจะจัดสรรเวลาให้สมดุล เพื่อให้คุณเองได้พักผ่อน ได้ออกไปพบปะคนรอบข้างหรือได้ทำกิจกรรมต่างๆ บ้าง เพื่อลดภาวะความเครียดที่เกิดจากการทำงานลงได้

และนี่คือ 5 เทคนิค คลายเครียดจากการทำงานวิจัย  อย่าลืมว่า “เราทุกคนไม่ใช่เครื่องจักร และขนาดเครื่องจักรก็ยังต้องหยุดพักเช่นกัน” หากกังวลหรือติดปัญหาเกี่ยวกับงานวิจัยสามารถติดต่อเข้ามาสอบถามได้เลยครับ

Credit : https://bit.ly/30kM0Kt

#เรียนวิจัย #รับติวสอบ #รับปรึกษางานวิจัย #ทำdissertation #ทำthesis #ทำวิทยานิพนธ์ #ทำวิทยานิพนธ์ปตรี #ทำวิทยานิพนธ์ปโท #ทำวิทยานิพนธ์ปเอก #สอนโปรแกรมSPSS #รับทำงานวิจัย #ที่ปรึกษางานวิจัย #รับทำดุษฎีนิพนธ์ #รับติววิทยานิพนธ์ #รับติวธีสิส #รับติวสารนิพนธ์ #รับติววิจัย #รับติวงานวิจัย #รับสอนวิทยานิพนธ์ #รับสอนธีสิส #รับสอนสารนิพนธ์ #รับสอนวิจัย #รับสอนงานวิจัย #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ #รับปรึกษาธีสิส #รับปรึกษาสารนิพนธ์ #รับปรึกษาวิจัย #รับปรึกษางานวิจัย #รับติววิทยานิพนธ์ปตรี #รับติววิทยานิพนธ์ปโท #รับติววิทยานิพนธ์ปเอก #รับสอนวิทยานิพนธ์ปตรี #รับสอนวิทยานิพนธ์ปโท #รับสอนวิทยานิพนธ์ปเอก #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปตรี #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปโท #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปเอก #สอนทำวิจัย ##รับสอนดุษฎีนิพนธ์ #รับติวดุษฎีนิพนธ์ #รับปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ #ปรึกษาวิทยานิพนธ์ #ปรึกษาวิจัย #ปรึกษางานวิจัย #ทำวิจัยปโท #phdthesis #หัวข้อวิทยานิพนธ์ #รับทำdissertation #บริษัทรับทำวิจัย #รับเขียนบทความวิชาการ #thesiswriter #spssราคา #ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ #ทำวิจัยพยาบาล #รับปรึกษาวิจัย #ราคารับทำงานวิจัย

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ