7เทคนิคการเขียนรายงานการวิจัยทางธุรกิจ
การเขียนรายงานการวิจัยมีการกำหนดรูปแบบที่ชัดเจน มีระเบียบและสอดคล้องกันทั้งเล่ม ดังนั้น องค์ประกอบของการเขียนรายงานการวิจัยจึงมีหลายองค์ประกอบที่ควรพิจารณา คือ รูปแบบการพิมพ์จะต้องตรงตามระเบียบวิธี สวยงาม มีองค์ประกอบของรายงานครบถ้วน เช่น การจัดตัวอักษรเข้ม ใหญ่ เล็ก ตามลำดับ มีหัวข้อย่อย และหัวข้อรอง และสอดคล้องกันทั้งเล่ม การนำเสนอเนื้อหาต้องมีความชัดเจน ตรงประเด็น มีการตรวจสอบความถูกต้องตลอดทั้งเล่ม และมีสาระที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง ไม่นำความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ความถูกต้องของเนื้อหาตามหลักวิชาการ และเนื้อหาอย่างมีเหตุผล ความสอดคล้องสัมพันธ์กันของเนื้อหาตลอดทั้งเล่ม ไม่ควรทำรายงานงานการวิจัยในรูปแบบคัดลอกและตัดปะ การอ้างอิงจะต้องถูกต้องและเชื่อถือได้ อ้างอิงตามหลักเกณฑ์ทางวิชาการ เป้าหมายของรายงานผลการวิจัย ควรพิจารณาว่าใครเป็นผู้อ่าน เพื่อการเขียนที่สอดคล้องกับผู้อ่านหลักการใช้ภาษา ควรพิจารณาว่าใครเป็นผู้อ่าน เพื่อการเขียนที่สอดคล้องกับผู้อ่าน หลักการใช้ภาษาต้องถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ เขียนให้อยู่ในรูปของประโยค ไม่ใช่ภาษาพูด หรือ ภาษาสมัยนิยม เน้นเนื้อหาที่สมบูรณ์และมีเหตุผล เข้าใจง่าย รวมถึงการใช้ถ้อยคำที่สุภาพการเขียนรายงานวิจัยเป็นงานวิชาการที่ต้องมีความสม่ำเสมอทั้งระบบ มีระเบียบแบบแผน รูปแบบและความสวยงามที่เหมาะสม เพื่อทำให้ผู้อื่นรู้ว่าเราทำอะไร มีขั้นตอนอย่างไร อธิบายถึงเหตุผลในการดำเนินการวิจัยทางธุรกิจ และรายงานผลที่ได้จากการทำวิจัยทางธุรกิจ ในการเขียนรายงานการวิจัยมีรูปแบบและหลักการเขียนที่หลากหลายรูปแบบ ดังนั้นผู้วิจัยจึงควรศึกษาและวางแผนก่อนจะต้องตัดสินใจ และควรพิจารณาก่อนว่าจะเขียนรายงานการวิจัยเพื่อนำเสนอใคร รูปแบบการเขียนควรเป็นอย่างไร ซึ่งขึ้นอยู่กับหน่วยงานและผู้อ่านที่มีข้อกำหนดแตกต่างกัน จึงควรทำการศึกษาให้ละเอียด และควรเขียนต้นฉบับร่าง แล้วนำมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบหลายๆ ครั้ง […]
7 แนวคิดกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นในงานวิจัย
เปิดกว้างเพื่อการเปลี่ยนแปลง … กำหนดเป้าหมาย แต่ไม่กำหนดวิธีการ … สร้างค่านิยมแห่งการสร้างสรรค์ พร้อมปลูกฝังเข้าไปในทีม … สร้างบรรยากาศแห่งความคิดสร้างสรรค์ … ระดมสมองประลองปัญญากันอย่างสร้างสรรค์ … อย่ารีบด่วนตัดสินใจ ให้มองหาความคิดอื่นมาเปรียบเทียบเสมอ … อย่าปล่อยให้พนักงานจมอยู่กับสิ่งเดิมๆ นานเกินไป
ความหมายของ T – test dependent และ T – test independent
การใช้t-test แบบ Independent การใช้t- test แบบ dependent