10 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน 

รู้สึกไหมโลกเปลี่ยนไป เราทำงานได้ง่ายและสบายกว่าแต่ก่อนมาก แต่ทำไมประสิทธิภาพการทำงานถึงลดลง?

ในยุคนี้การเข้ามาของ Messenger, LINE, อีเมล หรือการประชุมออนไลน์ อย่าง Zoom, Google Meet, etc. ทำให้โลกการทำงานกลายมาเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตลอด 24  ชม. แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนตามเทคโนโลยี คือ สภาวะร่างกายและสมองของมนุษย์

แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามาทำให้การทำงานสะดวกสบายขึ้น Work from Anywhere Any time แต่ไม่ได้แปลว่าร่างกายของเราจะพร้อมทำงาน Anywhere Any time ได้เสมอไป เราจึงต้องรู้จักบริหารการใช้งานร่างกายอย่างเหมาะสม เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเหนื่อยน้อยลง

บทความนี้จะมาเล่าถึงวิธีการเพิ่มการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ง่าย ๆ กับ 10 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วจาก UC Berkeley ว่าได้ผลจริง‍

1. ลดสิ่งที่ทำให้เสียสมาธิ

ปี 2008 งานวิจัยได้มีการค้นพบว่า มักมีสิ่งที่เข้ามาทำให้เสียสมาธิในการทำงานทุก ๆ 11 นาที‍

ปี 2011 งานวิจัยได้มีการค้นพบว่า มักมีสิ่งที่เข้ามาทำให้เสียสมาธิในการทำงานทุก ๆ 3 นาที‍

ปี 2018 งานวิจัยได้มีการค้นพบว่า มักมีสิ่งที่เข้ามาทำให้เสียสมาธิในการทำงานทุก ๆ 90 วินาที‍

งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า เวลาที่เราสามารถโฟกัสกับการทำงานลดลงอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี! ดังนั้นเราจึงต้องพยายามปรับสภาพแวดล้อมการทำงานของตัวเองให้มีสิ่งที่ก่อกวนสมาธิของเราให้น้อยลง

ปัญหานี้เกิดขึ้นจาก การใช้โทรศัพท์ขณะทำงาน, การเปิด notifications ต่าง ๆ ตลอดเวลา

ต่อสู้กับ distraction ได้อย่างไร?

ดังนี้นเราควร ปิด notifications การแจ้งเตือนในอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคขณะโฟกัสกับงาน โดยเชคโทรศัพท์ อีเมลล์ หรือข้อความ เป็นช่วง ๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น

2. ทำงานทีละอย่างอย่า Multitask

การที่เราทำ Task A สลับกับ Task B จะใช้เวลานานกว่าการทำ Task A Task B แยกกัน

ตัวอย่างเช่น หากคุณลองเขียนเส้นสลับกับตัวอักษรในเวลาเดียวกัน จะใช้เวลานานกว่าการเขียนเพียงแค่เส้น หรือเพียงตัวอักษรอย่างเดียว เวลาที่เสียไป เรียกว่า “switch cost” ในการเปลี่ยนสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นอีกสิ่งหนึ่ง หรือ multitasking นั่นเอง ดังนั้นเราจึงไม่ควรทำงานอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน

TIPS: เราจะแบ่งเวลาทำงานแต่ละอย่างได้อย่างไร ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด?‍

สร้างตารางงานให้ตัวเอง แบ่งเวลาในแต่ละวันสำหรับ task ที่ต้องการจะทำ เทคนิคนี้มีชือเรียกว่า focus sprint ซึ่งทำได้ดังนี้:

แบ่งเวลามาระยะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น 15, 20 หรือ 40 นาที

เขียน list สิ่งที่ต้องการจะทำให้สำเร็จในระยะเวลานั้น ๆ 

ปิด notification การแจ้งเตือน และเริ่มจับเวลาทำงานตามที่ตั้งเป้าหมายไว้

3. รู้จัก Peak Performance Hours

เวลา 24 ชม. ในแต่ละวันนั้น มีค่าไม่เท่ากัน จากภาพที่เห็น จะมีบางช่วงที่สมองทำงานได้ดีมาก และบางช่วงที่ร่างกายต้องการการพักผ่อน โดยวิจัยจาก McKinsey & Company ได้พิสูจน์มาแล้วว่า ผู้ที่ทำงานในช่วง Peak Performance Hours สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า! และเราต้องรู้จักตัวเองด้วยว่า ช่วงเวลาไหนที่เราทำงานได้ดี คิดงานออกตลอดเวลา ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีช่วงเวลา Peak อยู่ที่ 7.00 – 9.00 น. แล้วเราล่ะ Peak ช่วงไหน

เทคนิคที่สามารถนำไปใช้ได้คือ ทำงานที่เป็นงาน administrative work เช่น การตอบข้อความ ในช่วงที่ไม่ใช่ peak performance hours และเก็บเวลาที่เป็น peak performance hours นั้นไว้สำหรับงานที่ต้องคิดไอเดียอะไรใหม่ ๆ

4. แบ่งพลังงานของคุณให้เหมาะสม

จากภาพจะเห็นได้ว่าการที่เราแบ่งเวลาพัก ระหว่างที่ทำงาน จะทำให้เราสามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในระดับ peak performance ได้ถี่มากขึ้น มนุษย์เราไม่เหมือนหุ่นยนต์หรือเครื่องจักร ดังนั้นเราต้องรู้จักการพักเป็นระยะ เพื่อให้เราสามารถกลับมาโฟกัสได้อีกครั้ง หากคุณสามารถเปลี่ยนและปรับเวลาการทำ task ต่าง ๆ ได้ตามนี้ คุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. กินอาหารที่มีโภชนาการ

Calendar-Based Nutrition and Performanced-Based Nutrition ต่างกันอย่างไร?

Calendar-Based Nutrition คือการกินอาการมื้อใหญ่ตามเวลาอาหารหลัก ๆ เช่น เช้า กลางวัน และเย็น 

Performanced-Based Nutrition คือการกินอาหารและขนมย่อย ๆ ระหว่างวันเพื่อทำให้ร่างกายได้รับ glucose ที่เพียงพอและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างที่เห็นได้จากภาพแสดงระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีต่อการทำงาน

6. แบ่งเวลาพักจะทำให้งานคุณดีขึ้น

Zeigarnik Effect เป็นหลักการที่ได้ถูกพิสูจน์แล้วทางจิตวิทยาว่า หากเราพักจากการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งในขณะที่ยังทำสิ่ง ๆ นั้นไม่เสร็จ และแบ่งเวลาให้สมองได้คิดเรื่องอื่น จะทำให้เราสามารถจำสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้จักการแบ่งเวลาพักขณะทำงาน เพื่อเพิ่มเวลาให้กับสมองได้ process ข้อมูล อย่าหักโหมจนเกินไป หรือฝึกทักษะการทำ focus sprint ให้ดี

7. ตัดสินใจให้ถูกต้อง

เวลาที่เราเลือกตัดสินใจอะไรนั้น มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเราได้ ดังนั้น เราจึงจะต้องตระหนักถึงสภาพแวดล้อมและสิ่งที่สามารถส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของเรา ก่อนที่จะเลือกพูดหรือทำอะไรก็ตาม 

มีวิจัยหนึ่งได้ศึกษาการตัดสินการปล่อยตัวนักโทษ กับเวลาการตัดสินใจของผู้พิพากษา โดยวิจัยได้มีการค้นพบว่า เวลาหลังจากที่ผู้พิพากษารับประทานอาหารเสร็จ นักโทษที่เคยได้รับการปล่อยตัวนั้นมีมากกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ หลายเท่า วิจัยนี้จึงแสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาในการตัดสินใจส่งผลกระทบต่อการทำงาน

ดังนั้นการตัดสินใจในการทำงานอะไรในช่วงเวลาไหน ควรคิดให้ถี่ถ้วน เพราะอาจส่งผลกระทบต่องานที่เราทำได้ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องตัดสินใจอะไรใหญ่ ๆ

8. ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ

การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกาย และประสิทธิภาพการทำงานเป็นอย่างมาก ซึ่งการออกกำลังกายที่มีผลดีที่สุดต่อร่างกายเป็นดังนี้ 

20+ นาที ของการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 3 ครั้งต่อสัปดาห์

การออกกำลังกายแบบใช้กล้ามเนื้อ 1 ครั้งต่อสัปดาห์

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถทำงานได้จากบ้าน ไม่ได้แปลว่าเราจะต้องทำงานตลอดเวลา การแบ่งเวลาพักมาออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณสามารถกลับไปทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

9. นอนและพักผ่อนให้เพียงพอ

แน่นอนว่าการนอนพักผ่อนถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเราจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ โดยกำหนดเวลาตัวเองที่จะหยุดทำงานแล้วเข้านอน และควรนอนอย่างน้อย 6 ชม. 

และเรียนรู้การนอนระยะสั้นระหว่างวัน หรือ nap เพื่อทำให้ร่างการสามารถทำงานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็สามารถเป็นสิ่งที่ดีต่อการส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานเช่นกัน

10. ควบคุมความเครียดของตนเองให้ดี

จากกราฟด้านบน จะเห็นว่าเราสามารถทำงานได้ดีที่สุดในช่วงที่เรามีความเครียดระดับปานกลาง ซึ่งความเครียดนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย หากไม่เครียดเลย เราอาจไม่มีแรงผลักดันในการทำงานให้เสร็จ แต่ถ้าเครียดเกิน เราก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

ดังนั้นเราควรควบคุมระดับความเครียดของตนเองให้ดี ให้อยู่ในระดับปานกลางเพื่อป้องกันไม่ให้การทำงานของเราเสียประสิทธิภาพ 

จะเห็นได้ว่า 10 วิธีเพิ่ม Productivity ในการทำงาน ที่ได้กล่าวไปข้างต้นนั้น ไม่ใช่อะไรที่ทำได้ยากเลย เป็นกิจวัตรประจำวันที่ต้องเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะสามารถทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สุดท้ายหากคุณสนใจคอนเทนต์ดีๆสามารถหาอ่านจากที่

https://www.genzmanpower.com/articles/
https://www.researcherthailand.co.th/blog/
https://www.theprocontent.com/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1/

Sources: https://www.disruptignite.com/blog/10-ways-to-increase-work-productivity

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ