- มีความเข้าใจกระจ่างแจ้งในรายงานวิจัยที่ต้องการนําเสนอ
- การกำหนดโครงร่าง การจัดลําดับความคิด การเรียบ เรียงเนื้อ อหาสาระ ควรทิ้งช่วงห่าง 1-2 สัปดาห์ และ นํากลับมาปรับปรุงลีลาการเขียน และภาษาให้ ถูกต้องตามแบบของบทความ
- การเสนอเนื้อหา ควรให้ความสําคัญกบความชัดเจนถูกต้อง ตรงไปตรงมา และสมบูรณ์
- การใช้ภาษาต้องมีความเป็ นมาตรฐาน มีความเหมาะสม กบผู้อ่านที่เป็ นนักวิชาการ และใช้ภาษาถูกต้อง
- การลําดับเนื้อหาให้เป็ นไปตามหลักการวิจัย มีความ ต่อนื่องตั้ งแต่ต้นจนถึงผลสรุปและการอภิปราย ผลการวิจัย แต่ ละย่อหน้ามีความสําคัญ และเชื่อมโยง ความคิดที่ต่อเนื่อง
- การใช้คําศัพท์ให้เลือกคําศัพท์ที่เป็ นไปตามศัพท์บัญญัติ ได้รับการ รับรองใช้กนแพร่่หลาย ถ้าเป็ นศัพท์ใหม่ จากภาษาตางประเทศ ควรมี วงเล็บ หรือมีเชิงอรรถอธิบายเสริม และใช้คําศัพท์วิชาการคงที่ แบบเดียวกนทั้งบทความ
7.การเขียนประโยคควรเป็นประโยคสมบูรณ์ ใช้ประโยคสั้น หลีกเลี่ยง ประโยคซ้อน และระมัดระวังเครื่องหมายวรรคตอนให้ถูกต้อง
8.ให้ความสําคัญกบการพิสูจน์อักษร
วิจัยเผย : ความเครียดก่อโรคหัวใจสูงและเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
จากการศึกษาของงานวิจัยในวารสารวิชาการด้านโรคหัวใจของยุโรป ยูโรเปียน ฮาร์ท เจอร์นัล ผลการวิจัยระบุว่าคนอายุต่ำกว่า 50 ปีลงมาซึ่งระบุว่างานของตัวเองเป็นงานที่เครียดมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ระบุว่างานที่ทำอยู่ไม่เครียดถึง 70% นอกจากการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งแสดงถึงความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่างต่องานของพวกเขาแล้วนักวิจัยยังได้ทำการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และปริมาณฮอร์โมนความเครียดหรือ ฮอร์โมนชื่อคอร์ติซอล (cortisol) จากตัวอย่างเลือดด้วยพบว่าความเครียดยังไปมีผลขัดขวางการขับฮอร์โมนของส่วนของระบบนิวโรเอนโดคริน (neuroendocrine system) จนทำให้ร่างกายมีการขับฮอร์เครียด หรือคอร์ติซอล ออกมาในตอนเช้าในระดับที่สูงกว่าปกติด้วย ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด หรือ Broken Heart Syndrome พบมากในหญิงวัยกลางคน