รับวิจัยตลาด ราคากันเอง บริการแจกแบบสอบถาม

รับวิจัยตลาด ราคากันเอง บริการแจกแบบสอบถาม รวบรวมและประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล อาจทำลักษณะแจกแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ หรือการสำรวจ
แผนการตลาด วิจัยตลาด marketing research
ทำไมต้องทำวิจัยตลาด?

    บริษัทชั้นนำต่างๆ ให้ความสำคัญกับแผนก Research & Develop (R&D) เพื่อวิจัยกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งมีพฤติกรรม หรือความชอบที่เปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่างๆโดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสินค้าและบริการ ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

วิจัยตลาด marketing research
การวิจัยตลาด (Market Research)

    เป็นการรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นระบบ อันเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง คู่แข่ง และ/หรือสภาพแวดล้อม ซึ่งมักจะเป็นการรวบรวม ข้อมูลในบางรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการวิจัยขั้นทุติยภูมิ (Secondary Researchหรือที่ มักเรียกว่าการวิจัยบนโต๊ะ Desk Research ) หรือการวิจัยขั้นปฐมภูมิ (Primary Research) ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลโดยตรงจากผู้ตอบคำถาม
    จุดประสงค์ของโครงการวิจัยตลาดใดๆก็คือ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในเรื่องที่ทำการศึกษาให้มากขึ้น จากภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น ขึ้นทั่วทุกมุมโลก ปัจจุบันการวิจัยตลาดจึงอยู่ในระเบียบวาระในหลายๆองค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตามจนการออกแบบสินค้าหรือบริการ

การวิจัยตลาดของทีมงาน ดีบีฟอบิสเนส ในด้านการวิจัยตลาด มีดังนี้
บริการจัดทำแบบสอบถามทั้งภาษาไทย อังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น จีน และอื่นๆ
บริการแจกแบบสอบถาม และรวบรวมข้อมูล
บริการลงสำรวจพื้นที่ พร้อมทำรายงานความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจต่างๆ
ขั้นตอนวิธีการวิจัยมีดังนี้
วิจัยตลาด marketing research

ขั้นปัญหา (Problem) เป็นการกำหนดชี้วัดลงไปว่ามีปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
ขั้นตั้งสมมุติฐาน (Hypothesis) เป็นการคาดคะเนคำตอบที่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างมีเหตุผล ก่อนที่จะตรวจสอบคำตอบที่แท้จริง ของคำตอบนั้นๆ
ขั้นรวบรวมข้อมูล (Collecting data) เป็นการศึกษา ค้นหาข้อมูลหรือข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไป
ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล (Analysis) เป็นการจัดกระทำกับข้อมูลที่รวบรวมมาได้โดยวิธีการทางสถิติหรือตรรกศาสตร์ เพื่อตรวจสอบว่า สมมุติฐานที่ตั้งไว้เป็นจริงหรือไม่
ขั้นสรุป (Conclusion) เป็นการสรุปผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลว่าข้อเท็จจริงของปัญหานั้นคืออะไร
วัตถุประสงค์ของการวิจัยตลาด
เพื่อทำการวิจัยตลาด เหล่าองค์กรอาจตัดสินใจทำโครงการวิจัยด้วยตนเอง ( บางองค์กรอาจใช้ฝ่ายการวิจัยตลาด) หรืออาจใช้บริการ บริษัทหรือที่ปรึกษาด้านการวิจัยตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบบใดก็ตาม จำเป็นต้องมีการกำหนดเป้าหมายของการวิจัยใดๆก่อนที่จะทำการวิจัย ยกตัวอย่างเช่น ต้องการเรียนรู้อะไรจากการวิจัยและจำเป็นต้องรู้อะไรบ้าง

    หลังจากที่พิจารณาเรื่องของวัตถุประสงค์ การวิจัยตลาดสามารถนำเทคนิคและวิธีการวิจัยหลายๆแบบมาใช้เพื่อให้ได้้ข้อมูลที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลแบบเชิงข้อมูลปริมาณ (Quantitative information) และเชิงข้อมูลคุณภาพ (qualitative information) ซึ่งการนำแต่ละวิธีมาใช้จะขึ้นอยู่กับเป้าหมายของการวิจัย แต่ส่วนมากเชื่อว่าจะได้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์สูงสุดหากรวมสองวิธีนี้เข้าด้วยกัน

การวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research)
วิจัยตลาด marketing research

    การวิจัยเชิงปริมาณเป็นการวิจัยเชิงตัวเลขที่มุ่งเน้นความสนใจไปที่การวัดปรากฏการณ์ทางการตลาดและมักจะเกี่ยวเนื่องกับ การวิเคราะห์ทางสถิติ ยกตัวอย่างเช่น ธนาคารหนึ่งๆอาจขอให้ลูกค้าทำการให้คะแนนการบริการของธนาคารว่ายอดเยี่ยม ดี แย่หรือแย่มาก เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลเชิงปริมาณที่สามารถวิเคราะห์ออกมาในเชิงสถิติได้ ข้อสำคัญของการวิจัยเชิงปริมาณคือผู้ตอบคำถามทุกๆคน จะต้องได้รับคำถามชุดเดียวกัน วิธีการนี้เป็นแบบแผนอย่างมากและมักจะเกี่ยวข้องกับผู้ถูกสัมภาษณ์หรือผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมาก
    บางทีเทคนิคเชิงปริมาณที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายที่สุดคือ “การสำรวจวิจัยทางการตลาด” (market research survey) โครงการเหล่านี้เป็นโครงการพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมข้อมูลจากหลายๆรูปแบบ เช่น ลูกค้าหรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ การสำรวจเชิง ปริมาณสามารถทำได้โดยการส่งทางไปรษณีย์ (ตอบแบบสอบถามด้วยตนเองหรือ self-completion) แบบตัวต่อตัว (ตามถนนหรือที่บ้าน) ทางโทรศัพท์ อีเมล์หรือเทคนิคเวปไซด์ แบบสอบถามเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการรวบรวมข้อมูลจาก การสำรวจ แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมืออันหลากหลายที่ใช้สำหรับการรวบรวมข้อมูล

การวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research)
วิจัยตลาด marketing research

    การวิจัยเชิงคุณภาพช่วยให้เกิดความเข้าใจว่าสิ่งต่างๆเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรหรือเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เช่น ผู้ทำการวิจัยทางการตลาด อาจหยุดถามลูกค้าที่ซื้อขนมปังชนิดหนึ่งและถามว่าทำไมถึงเลือกซื้อขนมปังชนิดนั้นๆ ซึ่งไม่เหมือนการวิจัยเชิงปริมาณ เพราะการวิจัยเชิง คุณภาพไม่มีคำถามตายตัว หากมีเพียงแค่แนวทางหัวข้อ (หรือแนวทางการอภิปราย) ที่ใช้ในการสำรวจหัวข้อต่างๆแบบเจาะลึก โดย ส่วนใหญ่การสนทนาระหว่างผู้สัมภาษณ์ (หรือผู้ดำเนินการ/ Moderator) กับผู้ถูกสัมภาษณ์จะดำเนินไปตามความคิดและความรู้สึกของ ผู้ตอบคำถาม
    เช่นเดียวกันกับเทคนิคเชิงปริมาณ ระเบียบวิธีเชิงคุณภาพ (qualitative methodology) ก็มีอยู่หลากหลายเช่นกัน การวิจัยในรูปแบบนี้ ส่วนมากนิยมทำกันแบบตัวต่อตัว (face-to-face) และหนึ่งในเทคนิคที่รู้จักกันแพร่หลายคือ การอภิปรายกลุ่มการวิจัยตลาด (market research group discussions) (หรือเฉพาะกลุ่ม) ซึ่งมักจะประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมาย 6-8 คนกับผู้ทำการวิจัยซึ่งมีหน้าที่ที่ต้องถามคำถาม และดึงเอาคำตอบออกมา กระตุ้นให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น สังเกตปฏิกิริยา และทำการบันทึกภาพหรือเสียง

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

วิจัยเผย : ความเครียดก่อโรคหัวใจสูงและเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

วิจัยเผย : ความเครียดก่อโรคหัวใจสูงและเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง

จากการศึกษาของงานวิจัยในวารสารวิชาการด้านโรคหัวใจของยุโรป ยูโรเปียน ฮาร์ท เจอร์นัล ผลการวิจัยระบุว่าคนอายุต่ำกว่า 50 ปีลงมาซึ่งระบุว่างานของตัวเองเป็นงานที่เครียดมีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสูงกว่าคนที่ระบุว่างานที่ทำอยู่ไม่เครียดถึง 70% นอกจากการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งแสดงถึงความรู้สึกของกลุ่มตัวอย่างต่องานของพวกเขาแล้วนักวิจัยยังได้ทำการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และปริมาณฮอร์โมนความเครียดหรือ ฮอร์โมนชื่อคอร์ติซอล (cortisol)  จากตัวอย่างเลือดด้วยพบว่าความเครียดยังไปมีผลขัดขวางการขับฮอร์โมนของส่วนของระบบนิวโรเอนโดคริน (neuroendocrine system) จนทำให้ร่างกายมีการขับฮอร์เครียด หรือคอร์ติซอล ออกมาในตอนเช้าในระดับที่สูงกว่าปกติด้วย ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงจากความเครียด หรือ Broken Heart Syndrome พบมากในหญิงวัยกลางคน

งานวิจัยเผย : แม่เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน ลูกก็จะมีแฟนจำนวนพอกันกับแม่

งานวิจัยเผย : แม่เคยมีแฟนมาแล้วกี่คน ลูกก็จะมีแฟนจำนวนพอกันกับแม่

จากการศึกษาของ Ohio State University พบว่าแม่อาจส่งผ่านบุคลิกภาพหรือทักษะด้านความสัมพันธ์บางอย่างจากรุ่นสู่รุ่น โดย Dr.Claire Kamp Dush ผู้ริเริ่มการศึกษานี้กล่าวว่า แม่ๆ แต่ละคนมีลักษณะนิสัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการแต่งงานและความสัมพันธ์ ซึ่งลักษณะนิสัยเหล่านั้น จะกลายเป็นมรดกส่งต่อถึงรุ่นลูก โดยอาจเป็นตัวกำหนดว่าลูกจะได้แต่งงานช้าหรือเร็ว และมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงหรือไม่  . ใครเคยคุยเรื่องความรักกับแม่บ้าง แล้วเคยนึกสงสัยรึเปล่า ว่าแม่ของเราเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน? รู้ไหมว่าถ้าลองถามดูดีๆ อาจพบว่า จำนวนแฟนที่แม่เคยมี นั้นพอๆ

งานวิจัยเผย : ความสัมพันธ์ของคู่รักส่งผลต่อ ‘สุขภาพ’

งานวิจัยเผย : ความสัมพันธ์ของคู่รักส่งผลต่อ ‘สุขภาพ’

จากการศึกษาของทีมนักวิจัย มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาถึงพลวัตรของความสัมพันธ์ระยะยาว ผ่านวิธีคิดเชิงพื้นที่สัมพันธ์ (Spatial Proximity) และก็ค้นพบว่า เมื่อคู่รักหรือคู่แต่งงานนั้นมีความใกล้ชิดกัน อัตราการเต้นของหัวใจของพวกเขาจะประสานเข้าหากันในรูปแบบที่มีความซับซ้อน ตามแต่การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ไบรอัน โอกอลสกี้ รองศาสตราจารย์จากแผนกการพัฒนามนุษย์และครอบครัวศึกษา มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ระบุว่า นักวิจัยด้านความสัมพันธ์มักจะถามผู้คนว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไรบ้าง และมักคิดว่าผู้คนเหล่านั้นจะสามารถจดจำหรือให้คำตอบได้อย่างลึกซึ้ง แต่กับผู้คนที่ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมานาน 30 – 40 ปี เมื่อถามถึงเรื่องเหล่านี้หรือพวกคำถามว่าพึงพอใจกับชีวิตคู่ขนาดไหน พวกเขามักจะหัวเราะใส่เสมอ

งานวิจัยเผย : อากาศหนาวทำให้อ้วนขึ้น

งานวิจัยเผย : อากาศหนาวทำให้อ้วนขึ้น

จากการศึกษาโดย พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล หรือ “หมอผิง” ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์การชะลอวัยและกูรูด้านสุขภาพบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก พบว่า อากาศหนาวอาจส่งผลให้คนเราหิวเก่งขึ้น โดยเฉพาะอาหารแคลอรี่สูง วิจัยในอเมริกาพบว่าคนน้ำหนักขึ้นเฉลี่ย 0.5-1 กก. ในฤดูหนาว เป็นผลจากกินเพิ่มขึ้นและออกกำลังน้อยลง . ผลกระทบที่เกิดต่อร่างกายจากอากาศหนาว ซึ่งอากาศที่หนาวเย็นอาจทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเปลี่ยนแปลงไป จนอาจเกิดความผิดปกติต่าง ๆ ขึ้น โดยเฉพาะในเด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพในระยะยาวอย่างโรคหัวใจ มีปัญหาสุขภาพจิต