หลักการเขียนบทคัดย่อ (Abstract)

Abstract หมายถึง ข้อความที่สามารถบอก ส่วนประกอบพื้นฐานของงานได้อย่างถูกต้องและ รวดเร็ว ทำให้ผู้อ่านทราบความน่าสนใจของงานเพื่อ ตัดสินใจให้อ่านงานหลัก (Paper)
การเตรียมตัวก่อนเขียนบทคัดย่อ ก่อนการเขียนบทคัดย่อควรศึกษา เรียนรู้ และทำความเข้าใจกับงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ของ ตนเองเพื่อหาประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ และดึงดูดให้ ผู้อ่านทั่วไปอยากอ่านรายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์

หลักการเขียนบทคัดย่อที่ดี
1.ควรคัดเฉพาะส่วนสำคัญ เป็นประเด็นที่ น่าสนใจ เน้นถ่ายทอดจุดเด่นของการศึกษา โดยงานวิจัยมีความชัดเจน สั้น กระทัดรัด

  1. จำนวนคำต้องอยู่ระหว่าง 200–250 คำ หรือประมาณ 1–1.5 หน้ากระดาษ A4
    3 ไม่มีการตีความหรือวิพากษ์ วิจารณ์โดยใช้ ความคิดของตนเอง
    4 ไม่ควรเขียนประโยคที่เข้าใจยาก และไม่ใช้ คำศัพท์เฉพาะท้องถิ่น
    5 ไม่ใช้ตัวย่อหรือสัญลักษณ์โดยไม่จำเป็น เพราะอาจสร้างความไม่เข้าใจให้กับผู้อ่านได้
    6.ไม่มีการอ้างอิงตัวเลข แผนภาพ ตาราง โครงสร้าง สูตรสถิติ หรือสมการใน บทคัดย่อ นอกจากจำเป็นต้องแสดงผลการ วิเคราะห์
    7.ในการเขียนบทคัดย่ออาจมีหลายย่อหน้าได้ เพื่อเพิ่มความเข้าใจให้ผู้อ่านในแต่ละตอน
  2. หลีกเลี่ยงการอ้างอิงงานวิจัยงานของผู้อื่นใน บทคัดย่อ
  3. ทำตามขั้นตอนตามโครงสร้างการเขียน บทคัดย่อ โดยต้องระมัดระวังให้มาก รวมถึงลักษณะแบบตัวอักษร ขนาด ตัวอักษร การก าหนดขอบหน้ากระดาษ เคร่งครัดต่อหลักการพิมพ์ และรูปแบบที่ เป็นที่ยอมรับ ควรระมัดระวังในการ ตรวจสอบการเขียนโดยอ่านหลายๆ รอบ จะเป็นการเพิ่มคุณภาพของบทคัดย่อให้เป็น ที่ยอมรับในการเสนองานวิจัย
    ส่วนประกอบของบทคัดย่อ
    1.วัตถุประสงค์หลัก และกรอบของการศึกษา
    2 อธิบายถึงวิธีทำการวิจัย
    3.สรุปผลจากการวิจัย
  4. ระบุบทสรุปที่สำความสำคัญของบทสรุปมักจะมีการเขียนถึง 3 ครั้ง คือ ในบทคัดย่อ ในบทนำ และส่วนของ วิจารณ์ผล
  5. หัวข้อ
    1 ควรครอบคลุมเนื้อหาได้อย่างถูกต้อง
  6. ควรครอบคลุมวัตถุประสงค์ของงานวิจัยได้ อย่างชัดเจน
    3 ควรมีคำประมาณ 10–12 คำ
    4 ควรสื่อความหมายถึงสิ่งที่ต้องการศึกษาได้ ชัดเจนมากกว่าให้ความสำคัญกับผลและ สรุปผลงานวิจัย
    5 สื่อความหมายที่เข้าใจง่ายโดยไม่ควรใช้ ศัพท์ยาก หรือตัวย่อ
    6 หัวข้อไม่ควรพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
  7. ชื่อผู้แต่ง
    1 จะต้องเป็นผู้ที่ต้องดำเนินงานวิจัยนั้น
    2 ชื่อผู้แต่งชื่อแรกต้องเป็นคนที่นำเสนอบทคัดย่อ และผู้แต่งทุกคนต้องอ่านและ ยอมรับบทคัดย่อนี้ก่อนส่งตีพิมพ์
    ข้อแนะนำในการเขียนบทคัดย่อ
  8. Why did you start? – Introduction เริ่มต้นบทน าควรสรุปเรื่องและที่มาของ ความสำคัญที่เกี่ยวข้องของงานวิจัยให้อยู่ในประโยคเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย มากที่สุด
    2 Why did you try to do? – Aims and objectives การระบุวัตถุประสงค์จะต้องชัดเจน และ ควรเป็นประโยคสั้นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมมติฐานของ งานที่ท าการศึกษา ในการศึกษาทางด้าน วิทยาศาสตร์ สิ่งที่สำคัญในงานวิจัยคือ “วิธีการ” พิสูจน์ว่าผลเป็นจริงมีความสำคัญมากกว่าแสดงผล ว่าเป็นจริงเพียงอย่างเดียว ซึ่งแม้ว่าจะมีความ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นเรื่องสำคัญมาก และการยืนยันด้วยสมมติฐานจะพิสูจน์ได้ว่า งานวิจัยตรงตามวัตถุประสงค์ได้อย่างไร
    3 What did you do? – Method วิธีการดำเนินงานควรกระชับ ไม่ควรใส่ รายละเอียดของการด าเนินงานให้มากเกินไป ใน ประโยคอาจเป็นการบอกวิธีการวิจัยที่ดีส าหรับ งานวิจัยชิ้นนี้ และต้องบอกชนิดของกลุ่มตัวอย่าง และวิธีการวัดให้ชัดเจน
    4 What did you find? – Results สิ่งสำคัญในการรายงานผลการวิจัยต้อง บอกถึงสิ่งที่เป็นข้อมูลจริง ไม่ใช่เพียงแค่ เปรียบเทียบว่าสิ่งใดดีกว่ากัน ต้องเลือกข้อมูลที่ สำคัญมากที่สุดที่จะสรุปอยู่ในงานวิจัย และอย่าลง ภาพหรือตารางในบทคัดย่อ
    5 What does it mean? – Conclusions การสรุปเป็นการบอกสิ่งที่ต้องการศึกษาใน งานวิจัยนี้สำคัญอย่างไร โดยการสรุปจะอยู่บน พื้นฐานของเหตุและผล และมีข้อมูลประกอบการ สรุปงานวิจัย และหากงานวิจัยประเภทที่มีขอบเขต จำกัด เช่น กลุ่มตัวอย่าง วิธีการเฉพาะ หรือ เครื่องมือเฉพาะ การเขียนสรุปจะต้องไม่ออกนอก ขอบเขตนั้น

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ