การกำหนดหัวข้อการวิจัยชั้นเรียน

การกำหนดหัวข้อการวิจัยชั้นเรียน
แนวคิด หลักการหรือทฤษฎี
ปัญหาที่นำมาเป็นหัวข้อการวิจัยควรอยู่ในความสนใจของผู้วิจัย เหมาะสมกับงานและความสามารถในการทำเครื่องมือ การเก็บข้อมูล กำลังเงิน ระยะเวลาและผลที่จะได้รับ การตั้งชื่อหัวข้อวิจัยควรกะทัดรัด ให้มองเห็นลักษณะ ของตัวแปรที่จะศึกษาอย่างชัดเจน จะต้องครอบคลุมลักษณะของสิ่งที่จะศึกษาเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา การเรียนการสอนในชั้นเรียนได้
หัวข้อการวิจัยถ้าอยู่ในกรอบของความมุ่งหมายของการศึกษา ค้นคว้า ขอบเขตของการวิจัย และคำจำกัดความของปัญหา จะทำให้หัวข้อของการวิจัยมีความเหมาะสม ตลอดจนสามารถตอบคำถามหลัก และคำถามรองที่เราต้องการทราบได้เป็นอย่างดี
ชื่อเรื่องการวิจัยต้องตรงกับปัญหาการวิจัย มีความชัดเจนทางด้านภาษา ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าจะทำอะไร โดยไม่ต้องตีความอีก ชื่อเรื่องที่ดีควรระบุว่าจะทำอะไร (ตัวแปร) กับใคร (กลุ่มตัวอย่าง) ที่ไหน (สถานที่) อย่างไร (วิธีดำเนินการ) เมื่อไร (เวลา) แต่ชื่อเรื่องการวิจัยต้องไม่ยาวเกินไป ชื่อเรื่องควรขึ้นต้นด้วยคำนาม และชื่อเรื่องควรระบุประเภทการวิจัยหรือจุดมุ่งหมายการวิจัย
การตั้งชื่อเรื่องในการวิจัยควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1. ตัวแปรที่จะศึกษา หรือตัวแปรตามที่สนใจในการวิจัย เช่น ความพึงพอใจ บทบาท ปัญหา การรับรู้ เป็นต้น
2. ประชากรหรือกลุ่มตัวอย่างที่จะศึกษา เช่น นักศึกษาสถาบันราชภัฏลำปาง สมาชิกสภาเทศบาล กรรมการกองทุนหมู่บ้าน นักเรียน
3. วิธีในการวิจัย เช่น การสำรวจ การเปรียบเทียบ การหาความสัมพันธ์ การศึกษา เป็นต้น
4. สถานที่ศึกษา เช่น สถาบันราชภัฏอุดรธานี เทศบาลนครอุดรธานี บานโคกตะเคียน โรงเรียน………….. เป็นต้น
ในการกำหนดชื่อเรื่องโครงการวิจัยไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 4 ประเด็น อาจจะขาดรายการใดรายการหนึ่งก็ได้ แต่รายการที่ขาดไม่ได้ คือ การระบุตัวแปร

        การเขียนชื่อโครงการควรมีลักษณะ ดังนี้
                    1. การตั้งชื่อเรื่องไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นประโยคที่สมบูรณ์ อาจเป็นวลี หรือข้อความก็ได้
                    2. ชื่อควรกะทัดรัด ไม่ยาวหรือสั้นเกินไป
                    3. ควรมีความเฉพาะเจาะจงในสิ่งที่ศึกษา ไม่กว้าง ไม่แคบเกินไป
                    4. ควรเร้าความสนใจของผู้อื่น

ตัวอย่างชื่อโครงการวิจัยในชั้นเรียน
สภาพปัญหา : ครูใช้วิธีสอนแบบยึดครูเป็นศูนย์กลางโดยวิธีบรรยาย และอธิบายเป็นส่วนใหญ่
ชื่อโครงการวิจัย : การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนโดยใช้ชุดการสอนชุดมินิคร์อสกับเรียนโดยการสอนตามคู่มือครูของ สสวท.
สภาพปัญหา : นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนบ้านไร่ชายทุ่งมีจำนวนผู้ติดยาเสพติดมากขึ้น
ชื่อโครงการวิจัย : การศึกษาศึกษาทัศนคติต่อการป้องกันสิ่งเสพติดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นโรงเรียนบ้านไร่ชายทุ่ง
สภาพปัญหา : นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านคลองใหญ่ อ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำผิดมาก
ชื่อโครงการวิจัย : การสร้างแบบฝึกการอ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำ สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนบ้านคลองใหญ่
สภาพปัญหา
1. ระดับตัวป้อน :ไม่มีแบบฝึกทักษะการอ่านคำควบกล้ำ
2. ระดับกระบวนการ : นักเรียนอ่านคำที่ใช้อักษร ร ล ว ควบกล้ำผิดพลาดเสมอ
3. ระดับผลผลิต : ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านออกเสียงอยู่ในเกณฑ์ต่ำ
4. ระดับผลกระทบ : นักเรียนอ่านคำควบกล้ำภาษาไทยไม่ถูกต้อง

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ

How to จัดตารางการอ่านหนังสือ Thesis Thailand ขอแนะนำการจัดตารางการอ่านหนังสือ ดังนี้ . 1. เลือกเวลาที่เหมาะสม เวลาที่เหมาะสมหมายความว่า เวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบอ่านตอนเช้าตรู่ บางคนชอบอ่านตอนกลางคืนก่อนนอน บางคนชอบอ่านเวลากลางวัน แล้วแต่การจัดสรรเวลาของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน น้องต้องเลือกดูเวลาที่เหมาะสมของตัวเองนะ การจัดเวลาต้องให้ได้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง วันนึงถ้าอ่านหนังสือแค่วันละ 2 ชั่วโมงน้อยมาก . 2.

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

งานวิจัยเผย : คนฉลาดมักมีเพื่อนน้อยกว่าคนธรรม

จากการศึกษางานวิจัยของ The British Journal of Psychology ทำการทดลองด้วยการสำรวจความเห็นของกลุ่มคนอายุ 18 ถึง 28 ปี จำนวนกว่า 15,000 คน ผลวิจัยพบว่า คนฉลาดหรือคนที่มีไอคิวสูง ๆ ที่จำนวนของกลุ่มเพื่อนมีผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมักมีความพึงพอใจต่ำกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า นั่นแปลว่ายิ่งคุณฉลาดเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่ชอบเข้าสังคมเลย . พบอีกว่าคนที่มีไอคิวสูงนั้นมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคมหรือใช้เวลากับเพื่อนมากนัก

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

งานวิจัยเผย : ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชาย

จากการศึกษาเรื่องงานวิจัยที่น่าสนใจของ ดร.มุยเรียนน์ ไอริช นักประสาทวิทยาศาสตร์การรู้คิด จากสถาบันวิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ออสเตรเลีย กล่าวว่าที่ผู้หญิงความจำดีกว่าผู้ชายอาจเป็นเพราะผู้หญิงมักต้องทำงานที่ใช้ความจำในด้านบางอย่างมากกว่าผู้ชาย เช่น การตามตารางนัดหมาย หรือการตรวจสิ่งของต่างๆ ว่าเก็บไว้ตรงไหน ทำให้เหมือนเป็นการฝึกฝนไปในตัว . อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine กล่าวว่าโครงสร้างของสมองระหว่างผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศในช่วงตอนต้นของชีวิต โดยผู้หญิงจะมีสมองส่วน Hippocampus ทำหน้าที่เก็บความจำต่อเหตุการณ์ขนาดใหญ่กว่าผู้ชาย จึงเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าและยังรวมถึงการระลึกเหตุการณ์เก่าๆ ที่สะเทือนจิตใจได้ดีกว่าผู้ชาย และขณะเดียวกันผู้ชายมักจะเก็บความทรงจำในภาพรวมหรือเหตุการณ์สำคัญๆมากกว่า

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

นักจิตวิทยาเผย : ระวังจิตพัง เพราะตามใจคนอื่น เป็นคนอะไรก็ได้

จากการศึกษาจาก แดรี่เลวานี จอห์นสัน (Darylevuanie Johnson) นักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการปรึกษาด้านจิตวิทยา กล่าวว่า คนที่ชอบเอาอกเอาใจผู้อื่นอยู่เสมอ หรือที่เรียกว่าเป็น People-Pleaser ที่ความพึงพอใจของคนอื่นมักจะมาก่อนของตัวเองเสมอ และคิดว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ กับใครเลย เพราะการถูกปฏิเสธ ถูกโกรธ ถูกบอกเลิก หรือไม่ได้รับการยอมรับ . นับว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดสำหรับคนประเภทนี้ ซึ่งหลายครั้งมันอาจถึงขั้นที่จะต้องแลกหรือเสียสละเวลา พลังงาน ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของตัวเอง เพื่อทำให้คนอื่นมีความสุขมากที่สุด ทำให้พวกเขามักจะ